ค่าเงินบาททะลุ 33 แล้วและยังมีแนวโน้มจะอ่อนต่อ
(04/08/2021 - 08:15)

ค่าเงินบาทอ่อนลงทะลุ 33 บาท/US$ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 เนื่องจากประเทศไทยกำลังประสบภาวะโรคระบาดที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่เศรษฐกิจจะถดถอย เราจึงมองว่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีก อย่างน้อยก็ในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยเราประเมินว่าค่าเงินบาทยังมี downside จากระดับปัจจุบันอีกประมาณ 3-4% ขึ้นกับสถานการณ์ COVID-19 และ สภาวะแวดล้อมทางด้านเศรษฐกิจ และการเมืองในช่วงไตรมาสต่อ ๆ ไป ทั้งนี้ หุ้นที่เราชอบในธีมค่าเงินบาทอ่อนได้แก่ EPG, GFPT, MINT, TU และ ASIAN (non-rate)

 

สถานการณ์โรคระบาดจะเป็นตัวกำหนดแนวโน้มค่าเงินบาท

ถึงแม้การแข็งค่าของ USD ในช่วงนี้จะเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง (เช่นเดียวกับสกุลเงินอื่น ๆ) แต่เราเชื่อว่าปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง โดยเราพบว่าค่าเงินบาทอ่อนลงมากกว่าค่าเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาคอย่างมาก (figure 1) ซึ่งค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่ามากกว่าเพื่อนบ้านตั้งแต่ประมาณปลาย 1Q21 ถึงต้น 2Q21 ซึ่งเป็นช่วงที่การระบาดระลอกล่าสุดเริ่มต้นขึ้น (เกิด cluster ทองหล่อ และวันหยุดเทศกาลสงกรานต์) ดังนั้น จึงจะเห็นได้ว่า google mobility (proxy ของกิจกรรมทางธุรกิจ) ของประเทศไทยลดลงอย่างมาก ตามอัตราการติดเชื้อที่เร่งตัวขึ้นในประเทศไทย (figure 2) 

 

…แต่ภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายลงทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก

จริงอยู่ว่าเศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคก็เผชิญกับยอดผู้ติดเชื้อที่เร่งตัวขึ้นเช่นกัน แต่ผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของแต่ละประเทศแตกต่างกันไป เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับความรุนแรงของผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างเศรษฐกิจ, ความสามารถของระบบการรักษาพยาบาลในการรองรับผู้ติดเชื้อ, อัตราการกระจายวัคซีน, การสนับสนุนในเชิงนโยบายจากรัฐบาล และความเชื่อมั่นต่อการบริหารจัดการของรัฐบาล ทั้งนี้ หนึ่งในตัวชี้วัดแนวโน้มการเติบโตที่เชื่อถือได้ก็คืออัตราผลตอบแทนระยะยาวของพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเราพบว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี ลดลงจาก 1.7% ในปลายเดือนกรกฎาคม มาอยู่ที่ 1.54% ในปัจจุบัน ในขณะเดียวกัน spread ที่ถ่างกว้างขึ้นระหว่าง  อัตราผลตอบแทนของไทย กับภูมิภาคก็ช่วยยืนยันแนวโน้มที่อ่อนแอของเศรษฐกิจไทย ซึ่งส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลง (figure 3) นอกจากนี้ อัตราการเติบโตของปริมาณเงินในความหมายกว้างที่ลดลงอย่างหนักก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกถึงการอ่อนค่าของเงินบาท เรามองว่า ณ จุดนี้ ค่าเงินบาทยังไม่น่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะโตต่ำกว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคอีกพอสมควรไปจนถึงปี 2022 เป็นอย่างน้อย (figure 4)