October 11, 2018
(11/10/2018 - 08:50)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้นแรง +24.90 จุด (+1.47%) ปิดที่ 1,721 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 46,879 ล้านบาท ตอบรับครม.เห็นชอบร่างพ.ร.ฏ.ให้มีการเลือกส.ว.ตามโรดแมพ ประกอบกับราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นหลังอิหร่านส่งออกน้ำมันลดลง รวมถึงได้แรงหนุนจากการซื้อ LTF, RMF ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่ม  ENERG, FIN และ CONS ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,806 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 548 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 4,859 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาดการณ์ SET Index ปรับตัวลงทดสอบ Gap 1,680 – 1,690 จุด จาก sentiment เชิงลบตลาดหุ้นทั่วโลกที่ทรุดตัวลงแรงตามความกังวล FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐเดือนก.ย.พุ่งสูงสุดในรอบ 8 เดือนโดย +0.4% สะท้อนถึงอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น, bond yield US10 ปี ทรงตัวระดับสูงราว 3.2% รวมถึง VIX index พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือนล่าสุด 22.9 จุด ซึ่งส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติมีแนวโน้มไหลออกต่อเนื่อง นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรงรวมถึงการขึ้น XD ของหุ้น PTT 0.80 บาท/หุ้นจะเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มพลังงานอีกด้วย  อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีแรงซื้อจากกองทุน LTF, RMF ประกอบกับธปท.เริ่มทำประชาพิจารณ์เกณฑ์การคุมสินเชื่ออสังหาฯตั้งแต่ 11-22 ต.ค.ซึ่งหากออกมาเป็นบวกจะเป็นแรงหนุนให้ดัชนีสลับรีบาวด์ขึ้นได้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่มอิเล็กฯ (KCE, SVI ) กลุ่มอาหาร (GFPT, CPF) ได้ประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า
  • กลุ่ม defensive stock เช่น กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH, CHG) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, CKP, EA)
  • กลุ่มรับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA) รับผลบวกจากการเลือกตั้ง และบอร์ด EEC อนุมัติ 4 โครงการใหญ่ 4.7 แสนลบ. คาดออก TOR ภายในเดือนต.ค.

หุ้นแนะนำวันนี้ : BTS (9.1 ซื้อ/เป้า 10.5) รับข่าวดี กทม.เตรียมเสนอครม.ต่ออายุสัมปทานให้ BTS อีก 10 ปี จากเดิมที่สัญญาจะหมดอายุในปี 2029 การันตีรายได้และผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต, BDMS (ปิด 25.25 ซื้อ/เป้า 30) ผ่านพ้นช่วงลงทุนมาแล้ว และกำลังจะเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลกำไร ผลประกอบการ 3Q18 จะยังออกมาดีจากผลบวกของ High season, CENTEL (39.5 ซื้อ/เป้า 45) ได้ผลบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วง Golden Week ยังขยายตัวทำให้ Sentiment การลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวกับมาเป็นบวก ด้านผลประกอบการคาด 3Q18 มีกำไรสุทธิ 427 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 16%yoy,

Top picks ปีนี้ : ANAN, BBL, CPALL, MTC, ROBINS และ SPALI

KSS report วันนี้ : VNT (ปิด 24.6 ซื้อ/เป้า 30), WORK (ปิด 37.25 ถือ/เป้า 36)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :       

  • (-) ดาวโจนส์ร่วงแรงกว่า 3% เนื่องจากตลาดยังกลัวเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นจะกดดันเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฯซึ่งเป็นกลุ่ม High PE ถูกเทขายกดดันตลาด : แม้เมื่อคืนที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะเริ่มปรับตัวลง แต่ตลาดส่วนใหญ่ยังวิตกกังวลถึงภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจะเร่งให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) ของสหรัฐอีกหนึ่งดัชนีตัวแทนเงินเฟ้อของสหรัฐปรับขึ้นอีก 0.4%mom ในเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้นมากสุดตั้งแต่เดือนม.ค.ของปีนี้ ส่งผลให้นักลงทุนวิตกว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะประกาศออกมาในวันนี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย (Headline Inflation และ Core Inflation เดือน ส.ค.อยู่ที่ 2.7% และ 2.2% สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ 2%) ความกังวลดังกล่าวทำให้นักลงทุนลดการลงทุนในสินทรัพย์เสียง โดยเฉพาะกลุ่มหุ้น High PE อาทิ หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐ 
  • (-) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน – ราคาน้ำมันดิบร่วงแรงตามตลาดหุ้นดาวโจนส์ และรอประเมินความเสี่ยงจากผลของพายุเฮอร์ริเคนไมเคิล : แม้ล่าสุดพายุเฮอร์ริเคนไมเคิลจะทวีความรุนแรงขึ้นสู่ระดับ 4 ซึ่งมีความรุนแรงมากและอาจจะสร้างความเสียหายต่อแหล่งผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในอ่าวเม็กซิโกซึ่งล่าสุดมีรายงานว่าสหรัฐมีการปิดการผลิตน้ำมันดิบไปแล้วกว่า 40% ในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบไม่ได้ตอบรับกับปัจจัยนี้มากนักเนื่องจากนักลงทุนยังตื่นตะหนกและวิตกกังวลถึงการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนต้องเทขายและลดความเสี่ยงในตลาดน้ำมันตามไปด้วย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 1.79 ดอลลาร์ (-2.4%) ปิดที่ 73.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • (+/-) กลุ่มอสังหาฯ - วันนี้แบงก์ชาติเริ่มทำประชาพิจารณ์เกณฑ์ควบคลุมสินเชื่อในภาคอสังหาฯ คาดผู้ประกอบการจะเข้าเสนอเงื่อนไขเพื่อลดผลกระทบจากแนวทางแบงก์ชาติที่เข้มงวดเกินไป : เรามองว่าปัจจัยนี้จะกดดันหุ้นในกลุ่มอสังหาฯไม่มากเนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับลงสะท้อนปัจจัยนี้ไปแล้ว ตรงกันข้ามเรากับมองบวกโดยเชื่อว่าบรรดาผู้ประกอบการจะเข้าเสนอเงื่อนไขที่ผ่อนคลายให้กับแบงก์ชาติเพื่อลดผลกระทบที่รุนแรงในภาคอสังหาฯ อาทิ เพิ่มเงินดาวน์จาก 10% เป็น 15% เทียบกับเกณฑ์แบงก์ชาติเสนอที่ 20% เราจึงเชื่อว่าผลประชาพิจารณ์ในครั้งนี้น่าจะได้ข้อสรุปที่ผ่อนคลายขึ้นและน่าจะเป็นบวกต่อ Sentiment บวกต่อกลุ่มอสังหาฯ