October 10, 2018
(10/10/2018 - 08:50)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้ปิดทรงตัว +0.70 จุด (+0.04%) ปิดที่ 1,696 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 52,507 ล้านบาท จากปัจจัยลบเดิมคือความกังวล FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ซึ่งกดดันให้ Fund flow ต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นแรงขายในกลุ่ม  FIN ,CONMAT และ PROP ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,629 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 7,427 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 3,437 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาดการณ์ SET Index ฟื้นตัวขึ้นทดสอบ 1,705 – 1,710 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว เนื่องจากได้ sentiment เชิงบวกจาก bond yield US10 ปี เริ่มทรงตัวที่ระดับ 3.2% ส่งผลให้เงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงและเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะช่วยชะลอการไหลออกของ Fund Flow ต่างชาติในระยะนี้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นหลังการส่งออกน้ำมันของอิหร่านลดลงสู่ 1.1 ล้านบาร์เรล/วันจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐจะเป็นแรงหนุนต่อภาวะตลาด อย่างไรก็ตามความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอจากผลกระทบสงครามการค้าจะเป็นแรงกดดันโดย IMF ปรับลดคาดการณ์ขยายตัว GDP โลกปีนี้ลง 0.2% เป็น 3.7% รวมถึงปรับลดคาดการณ์ GDP สหรัฐและจีนลง 0.2% สู่ 2.5% และ 6.2%ตามลำดับจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่มอิเล็กฯ (KCE, SVI ) กลุ่มอาหาร (GFPT, CPF) ได้ประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า
  • กลุ่ม defensive stock เช่น กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH, CHG) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, CKP, EA)
  • กลุ่มรับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA) รับผลบวกจากการเลือกตั้ง และบอร์ด EEC อนุมัติ 4 โครงการใหญ่ 4.7 แสนลบ. คาดออก TOR ภายในเดือนต.ค.

หุ้นแนะนำวันนี้ : CENTEL (39 ซื้อ/เป้า 45) ได้ผลบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วง Golden Week ยังขยายตัวทำให้ Sentiment การลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวกับมาเป็นบวก ด้านผลประกอบการคาด 3Q18 มีกำไรสุทธิ 427 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 16%yoy, TU (ปิด 16.3 ซื้อ/เป้า 18) เก็งกำไรงบ 3Q18 คาดมีกำไรปกติประมาณ 1,400 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 2 ไตรมาสแรกรวมกันที่ 1,700 ล้านบาท จาก 1) ปริมาณขายเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และ 2) ได้ผลบวกจากราคาวัตุดิบ อาทิ ปลาทูน่า และ แซมอน ยังอยู่ในระดับต่ำ, ROBINS (ปิด 63.5 ซื้อ/เป้า 76) เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่คาดว่าจะได้ผลบวกจากเม็ดเงินหมุนเวียนและสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนเลือกตั้งเนื่องจาก ROBINS มีสัดส่วนรายได้จากฐานลูกค้าในต่างจังหวัดคิดเป็น 40% ของรายได้รวมขณะที่ Valuation ถูกสุดของกลุ่ม (PE 23 เท่าเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 26-28 เท่า)

Top picks ปีนี้ : ANAN, BBL, CPALL, MTC, ROBINS และ SPALI

KSS report วันนี้ : HMPRO (ปิด 15.2 ถือ/เป้า 15.3), JMT (ปิด 11.3 ซื้อ/เป้า 17.5)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :

(-) IMF ลดคาดการณ์ World GDP กังวลผลกระทบจากสงครามการค้าเป็นปัจจัยลบหลัก : วานนี้ IMF ออกรายงานคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยปรับลดคาดการณ์ World GDP ในปีนี้เป็นขยายตัว 3.7% จากเดิม 3.9% และคาด World GDP ในปีหน้าจะยังทรงตัวที่ระดับ 3.7% โดย IMF ประเมินผลกระทบจากสงครามการค้าจะเริ่มชัดเจนขึ้นในปีหน้า ส่งผลให้ IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP ของสหรัฐ และ จีน ในปีหน้าเป็นขยายตัว  2.5% และ 6.2% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 2.7% และ 6.4% ตามลำดับ

(-) ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีจีนเพิ่ม หากจีนออกมาตรการตอบโต้ เราประเมินตลาดคาดอยู่แล้วว่าสหรัฐจะเดินหน้าเก็บภาษีจากจีนเพิ่ม : โดนัล ทรัมป์ ประกาศขู่พร้อมจะเรียกเก็บภาษีจากจีนเพิ่มอีก 2.67 แสนล้านเหรียญฯ หากจีนออกมาตรการตอบโต้สหรัฐจากที่มีการตอบโต้มาในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตามเรามองว่าประเด็นนี้ตลาดคาดการณ์กันไว้อยู่แล้ว โดยเชื่อว่าท้ายที่สุดสหรัฐจะต้องเรียกเก็บภาษีจากจีนเพิ่มขึ้นจนครบจำนวนที่สหรัฐนำเข้าสินค้าจากจีนทั้งหมด (ประมาณ 5 แสนล้านเหรียญฯ จากปัจจุบันเก็บภาษีแล้วประมาณ 2.5 แสนล้านเหรียญฯ) จึงมองผลกระทบต่อ Sentiment การลงทุนในตลาดจะไม่มาก

(+) ราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัว ตอบรับตัวเลขการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านลดลง และกังวลพายุเฮอร์ริเคน ไมเคิลพัดสู่อ่าวเม็กซิโก : ราคาน้ำมันดิบ WTI  67 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 74.96 ดอลลาร์/บาร์เรล จาก 2 ปัจจัยบวก คือ 1)ตอบรับรายงานการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนต.ค.ลดลงสู่ระดับ 1.1 ล้านบาร์เรล เทียบกับค่าเฉลี่ยเดือนก.ย.ที่ 1.6 ล้านบาร์เรล และ 2)กังวลผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนไมเคิล ทวีความรุนแรงขึ้นสู่ระดับ 3 อาจจะสร้างความเสียหายต่อแหล่งผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในอาวเม็กซิโก

(+) กลุ่มท่องเที่ยว – โตยังดีกว่าหดตัว ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนช่วง Golden Week ยังเพิ่มขึ้นลดความกังวลที่ว่าจีนจะทิ้งไทย : หลังจากที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนหดตัวลง 1%yoy ในเดือน ก.ค. และหดตัว 12%yoy ในเดือน ส.ค. ทำให้ตลาดกังวลกันว่านักท่องเที่ยวจีนอาจลดการท่องเที่ยวในประเทศไทยและสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรด็ตามในช่วงวันหยุดยาว(วันชาติ)ของจีนหรือช่วง Golden Week (1-7 ต.ค.) พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทย 180,807  คน เพิ่มขึ้น 2.78%yoy บ่งชี้ได้ว่าประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวจีนและช่วยคลายกังวลได้ระดับหนึ่งว่าจีนยังไม่ทิ้งไทย