Money Wizard - October 5, 2018
(05/10/2018 - 08:40)

ตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ : SET Index วานนี้ปรับตัวลง -12.56 จุด (-0.72%) ปิดที่ 1,729 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 64,311 ล้านบาท จากความกังวล FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ bond yield US10 ปีพุ่งขึ้น New high ประกอบกับธปท.ปรับเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยโดยกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำสำหรับการกู้หลังที่ 2 ขึ้นไปหรือมูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไปกดให้ดัชนีทรุดลงแรง ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,959 ล้านบาท และ Net Short TFEX 15,286 สัญญา อีกทั้งขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 583 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาดการณ์ SET Index อ่อนตัวทดสอบแนวรับ 1,720 – 1,725 จุด จากแรงกดดัน FED ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลให้ bond yield US10 ปี เดินหน้าทำ New high ล่าสุด 3.2% และลดน้ำหนักสินทรัพย์เสี่ยงลง เป็นผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องล่าสุด 32.7 Baht/USD และ Fund Flow มีแนวโน้มไหลออกต่อเนื่องในช่วงนี้เป็น Net Sell 3 วันราว 9.3 พันลบ. นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงจากข่าวซาอุฯและรัสเซียทำข้อตกลงเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชดเชยผลกระทบการคว่ำบาตรอิหร่านจะเป็นแรงกดดันเช่นกัน ประกอบกับแรงขายระยะสั้นเพื่อเตรียมระดมทุน IPO 3 รายใหญ่ในช่วงเดือนนี้ ได้แก่ OSP, TFFIF และ PR9 จะเป็นตัวถ่วงต่อภาวะตลาดในช่วงนี้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่มอิเล็กฯ (HANA, KCE, SVI ) กลุ่มอาหาร (GFPT, CPF) ได้ประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า
  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTGC, TOP, PTTEP) ราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับสูง
  • กลุ่มรับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA)  รับผลบวกจากการเลือกตั้ง และบอร์ด EEC อนุมัติ 4 โครงการใหญ่ 4.7 แสนลบ.คาดออก TOR ภายในเดือนต.ค.
  • กลุ่ม defensive stock เช่น กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH, CHG) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, CKP, EA)

หุ้นแนะนำวันนี้ : BLA (35.25 ซื้อ/เป้า 42), คาดได้ผลบวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ที่สูงขึ้น เนื่องจากพอร์ตการลงทุนส่วนใหญ่ของธุรกิจประกันจะอยู่ในพันธบัตร หาก Bond yield สูงขึ้นจะทำให้กำไรจากพอร์ตลงทุนสูงขึ้นตามไปด้วย, SVI (ปิด 6 ซื้อ/เป้า 6.3) ได้ Sentiment บวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ขณะที่ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ 1Q18 และจะเห็นการเติบโตต่อเนื่องอีกใน 3Q18 และ 4Q18 จากยอดขายและมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น, GFPT (15.1 ซื้อ/เป้า 16.6) คาดกำไรสุทธิ 3Q18 เพิ่มขึ้นโดดเด่น โดยมีราคาไก่ที่ฟื้นตัวเป็นปัจจัยหนุนหลัก และได้ผลบวกจาก high season ส่งผลให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้น,

Top picks ปีนี้ : ANAN, BBL, CPALL, MTC, ROBINS และ SPALI

KSS report วันนี้ : FTE (ปิด 2.3 ถือ/เป้าใหม่ 2.2 จาก 2.0), Property sector (Top pick: ANAN, SPALI)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :

  • (-) ดาวโจนส์ร่วงวันแรกในรอบ 4 วันทำการ กังวลบอนด์ยีลพุ่งสูงสุดในรอบ 7 ปี กดดันผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง : ล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) 10 ปีของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.20% จาก 3.08% ในช่วง 2 วันก่อนหน้า นับเป็นการเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี เป็นผลจากนักลงทุนคาดการณ์ถึงอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มจะเร่งตัวขึ้นหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาอย่างแข็งแกร่งในหลากหลายกิจกรรม อีกทั้งยังมีคำกล่าวของ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ที่ส่งสัญญาณจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก Bond yield ที่สูงขึ้นดังกล่าวกดดันให้นักลงทุนเทขายและลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์เสียง โดยเฉพาะหุ้น หรือ ดัชนีดาวโจนส์ที่พุ่งทำ All time high จึงเป็นจังหวะในการขายทำกำไร
  • (-) น้ำมันดิบร่วงแรงกว่า 2 เหรียญ หลังพบรายงานว่า ซาอุฯและรัสเซีย ผลิตน้ำมันดิบเพิ่ม เพื่อชดเชยการผลิตที่ลดลงของอิหร่าน : ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.08$ (-2.72%) ปิดที่ 74.33$/bbl จาก 3 ปัจจัย คือ 1)ขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 ปี, 2)กังวลดีมานด์ในสหรัฐลดลงหลังพบสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 8 ล้านบาร์เรลสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2.67 ล้านบาร์เรล และ 3)มีรายงานว่า ซาอุฯและรัสเซีย ทำการผลิตน้ำมันดิบสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ช่วยลดผลกระทบจากซัพพลายที่ลดลงของอิหร่าน
  • (-) กังวลสงครามการค้าและราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงกดดันดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยเดือนก.ย. ลดลงสู่ระดับ 82.3 ลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน : ม.หอการค้ารายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.ย.ลดลงสู่ระดับ 82.3 จาก 83.2 ในเดือนส.ค.นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เป็นผลจาก 1)ผู้บริโภครู้สึกว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ส่งผลให้อำนาจซื้อลดลง 2.นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาไทยลดลงส่งผลต่อรายได้จากการท่องเที่ยว 3)ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เช่น ข้าว, ข้าวโพด และยางพารา และ 4) กังวลปัญหาสงครามการค้าที่ยังยืดเยื้อ ความเชื่อมั่นที่หดตัวเป็นลบต่อ sentiment ของกลุ่มค้าปลีก จากการที่ประชาชนอาจชะลอการจับจ่ายใช้สอย
  • (+) กลุ่มนิคมฯ, รับเหมาฯ – มาตามนัดบอร์ด EEC อนุมัตลงทุน 4 โครงการเร่งด่วน มูลค่ารวมกว่า 4.7 แสนล้านบาท : ประชุมบอร์ด EEC วันนี้จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาการลงทุนในโครงการเร่งด่วนทั้งหมด 4 โครงการ ประกอบด้วยโครงการ 1)สนามบินอู่ตะเภา และ เมืองการบิน 2)มาบตาพุดเฟส 3, 3)แหลมฉบังเฟส 3 และ 4) และศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา มูลค่ารวมกว่า 4.7 แสนล้านบาท เบื้องต้นน่าจะได้ข้อสรุปและประกาศเงื่อนไขการประมูล (TOR) ได้ในช่วงเดือน ต.ค. เป็นบวกต่อกลุ่มนิคมฯ Top pick AMATA และ รับเหมาก่อสร้าง Top pick STEC, SEAFCO