Money Wizard - September 25, 2018
(25/09/2018 - 08:45)

ตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ : SET Index วานนี้อ่อนตัวลง -6.70 จุด (-0.38%) ปิดที่ 1,749 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางลงเป็น 44,102 ล้านบาท จากความกังวลจีนยกเลิกแผนการเจรจาข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐในสัปดาห์นี้ ประกอบกับ Fund Flow ที่ชะลอตัวเพื่อรอผลการประชุม FOMC ในวันที่ 25 -26 ก.ย.ที่คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ทั้งนี้นักลงทุนสถาบันพลิกเป็นฝั่งขายสุทธิ 2,223 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 717 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 1,228 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,179 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาดการณ์ SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,740 – 1,760 จุด  เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน โดยแม้ว่าจะมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นทำ High ในรอบ 2 เดือนเหนือ 72 US/Barrel หลังกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งในและนอกโอเปกคงปริมาณการผลิตน้ำมันซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามความกังวลผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงเป็นแรงกดดันหลังจีนยกเลิกแผนการเจรจาการค้ากับสหรัฐในสัปดาห์นี้รวมถึงสหรัฐและจีนเก็บภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกันรอบใหม่ซึ่งมีผลแล้วเมื่อวานนี้ (24 ก.ย.) นอกจากนี้คาดว่า Fund Flow จะชะลอตัวเพื่อรอการประชุม FOMC ในวันที่ 25 -26 ก.ย.ที่คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 2.25% ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อดัชนีในช่วงนี้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTGC, TOP, PTTEP) ราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับสูง รวมถึงกระทรวงพลังงานเปิดยื่นเข้าประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณในวันที่ 25 ก.ย.
  • Domestic play รับผลบวกจากการเลือกตั้ง รับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA) กลุ่มค้าปลีกที่มีฐานลูกค้าต่างจังหวัด (ROBINS, CPALL, DCC, TK)
  • กลุ่ม defensive stock เช่น กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH, CHG) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, CKP, EA)

หุ้นแนะนำวันนี้ : CPALL (ปิด 69.25 ซื้อ/เป้า 80) ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง แต่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน ทำให้ CPALL ยังเป็นหุ้นเป้าหมายที่นักลงทุนสถาบันจะทยอยซื้อคืน, SVI (ปิด 5.75 ซื้อ/เป้า 6.3) ราคาปรับตัวลงเป็นโอกาสทยอยซื้อ คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ 1Q18 และจะเห็นการเติบโตต่อเนื่องอีกใน 3Q18 และ 4Q18 จากยอดขายและมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น, MINT(ปิด 40 ซื้อ/เป้า 43) 3Q18 คาดกำไรโตต่อเนื่อง จาก high season ของธุรกิจโรงแรมในยุโรป (Tivoli ในโปรตุเกส และ NH Hotel ) ขณะที่ 4Q18 เข้าสู่ high season ของธุรกิจโรงแรมในไทย

Top picks ปีนี้ : ADVANC, ANAN, BEM, BDMS, CHG, CPALL, IVL, MINT, MTC และ QH

KSS report วันนี้ : Bank Sector (Top pick: BBL, KTB and TMB)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :      

  • (+) น้ำมันพุ่งสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง ตลาดยังตอบรับข่าวกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ (OPEC+Non OPEC) มีมติคงกำลังการผลิตตามเดิม: ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นแรงกว่า 1.3 ดอลลาร์ (+ 1.8%) ปิดที่ 72.08 ดอลลาร์/บาร์เรล นับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง แต่ปัจจัยบวกยังเป็นเรื่องเดิมคือนักลงทุนตอบรับข่าวกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบ (OPEC+Non OPEC) มีมติเห็นชอบให้คงปริมาณการผลิตไว้ตามเดิม ซึ่งเป็นการปฏิเสธข้อเรียกร้องของโดนัล ทรัมป์ที่ต้องการให้กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อกดดันราคาน้ำมัน โดยกลุ่ม OPEC เชื่อว่าที่ระดับราคา 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ถือเป็นระดับราคาที่เอื้อประโยชน์ต่อทั้งกลุ่มผู้ผลิตและกลุ่มผู้บริโภค
  • (+) วันนี้เปิดยื่นซองประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ เป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนของ PTTEP เนื่องจากเป็นตัวเต็งที่จะชนะการประมูล : วันนี้กระทรวงพลังงานจะเปิดให้ผู้ผ่านคุณสมบัติยื่นประมูลขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแหล่ง เอราวัน และบงกช โดยแหล่งเอราวัณมีผู้เข้าประมูล 5 รายและแหล่งบงกช 4 ราย โดยเราคาดว่า PTTEP ยังเป็นตัวเต็งที่จะชนะการประมูลเนื่องจากเป็นเจ้าของสัมปทานเดิมร่วมกับ Chevron ทำให้ PTTEP มีข้อมูลและโครงสร้างต้นทุนที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เบื้องต้นกระทรวงพลังงานคาดจะรู้ผลการประมูลประมาณเดือน ธ.ค.ปีนี้และน่าจะลงนามในสัญญาได้ในเดือน ก.พ.ปีหน้า
  • (+/-) คืนนี้ติดตามการประชุมเฟด คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25% มองมีผลต่อ Fund Flow ไหลออกไม่มากเนื่องจากตลาดรับรู้ไปแล้ว : Bloomberg consensus คาดการประชุมเฟดในเดือนนี้มีโอกาสสูงถึง 97.9% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 2.25% อย่างไรก็ตามเรามองว่าประเด็นนี้ตลาดรับรู้ไปแล้วส่งผลให้ Fund Flow ไหลออกจะไม่รุนแรงเหมือนช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้นักลงทุนยังต้องติดตามถ้อยแถลงหลังการประชุม ว่าเฟดจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้าอย่างไร (Bloomberg คาดความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนธ.ค.อยู่ที่ 73.2%)