Money Wizard - July 11 2018
(11/07/2018 - 08:45)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index พุ่งแรงกว่า 21 จุด (+1.27%) ปิดที่ 1,644 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลาง 53,429 ล้านบาท หุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้นนำตลาด นำโดย PTT, PTTGC และ PTTEP นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิแต่เพียงผู้เดียว 4,221 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 อีก 1,393 ล้านบาท แต่ Net long TFEX สูงถึง 10,714 สัญญา ขณะที่ตลาดพันธบัตรต่างชาติยังขายสุทธิ 2,731 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : เรามีมุมมองเป็นลบ คาดดัชนีมีโอกาสปรับตัวลง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นแรงกว่า 50 จุด ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา และวันนี้ยังมีปัจจัยลบใหม่ หลังจากสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนล้านเหรียญมากกว่าเดิม 4 เท่าตัว และคาดว่าจีนจะออกมาตรการตอบโต้ในมูลค่าที่เท่ากัน ส่งผลให้ปัญหาสงครามการค้ากลับมาเป็นปัจจัยลบกดดันบรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเช้านี้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ฟิวเจอร์ และดัชนีนิเคอิของญี่ปุ่นตอบสนองในทางลบลดลง ประมาณ 297 จุด (-1.1%_) และ 400 จุด (-1.8%) ตามลำดับ เบื้องต้นเราประเมินกรอบแนวรับในวันนี้ไว้ที่ระดับ 1,625 และ 1,620 จุด

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy เน้นกลุ่ม Domestic play และมีปันผล

  • กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ (BBL, KBANK, SCB และ KTB) ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในครึ่งปีหลัง
  • BANPU ราคาถ่านหินกำลังขึ้นทดสอบ High ในรอบ 6 ปีครึ่งล่าสุด 116.6 US/Ton
  • กลุ่มปันผลครึ่งปีเด่น ADVANC, INTUCH, KKP, QH, LH และ SPALI

หุ้นแนะนำวันนี้ : CPALL(ปิด 79 ถือ/เป้า 82 บาท) ยังเป็นหุ้น TOP Pick ในหุ้นกลุ่มค้าปลีก โดยมีปัจจัยหนุนจาก SSSG ที่ยังเติบโตต่อเนื่องจากการขยายสาขา คาดกำไรสุทธิปีนี้ประมาณ 23,113 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 16.1%yoy, BEM (ปิด 7.85 ซื้อ/เป้า 8.6) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/18 พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 1 พันล้านบาท จากแรงหนุนของจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และบันทึกกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนจากโครงการลงทุนในเขื่อนไซยบุรี, BDMS (ปิด 26 ซื้อ/เป้า 27.5) ผ่านพ้นช่วงลงทุนมาแล้ว และกำลังจะเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลกำไร ขณะที่ธุรกิจเริ่มเข้าสู่ช่วง High season,

Top picks ปีนี้ : ADVANC, ANAN, BEM, BDMS, CHG, CPALL, IVL, MINT, MTC และ QH

KSS report วันนี้ : ASAP (ปิด 5.4 ปรับเป้าเป็น ซื้อ/เป้าใหม่ 6.0 จาก 8.0), EA (ปิด 31.5 ซื้อ/เป้าใหม่ 60 จาก 77), MONO (ปิด 2.26 ถือ/เป้าใหม่ 2.6 จาก 3.6)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :                                        

(-) Trade war กลับมากดดันตลาด ล่าสุดสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนล้านเหรียญมากกว่าเดิม 4 เท่าตัว และรอติดตามท่าทีจากจีนว่าจะออกมาตรการตอบโต้หรือไม่ : สหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้า ส่งผลให้สหรัฐต้องออกมาตรการเพื่อกดดันจีนเพิ่มเติม โดยล่าสุดสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะเรียกเก็บภาษีในอัตรา 10% ครอบคลุมสินค้า 6,031 รายการ คาดว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมในครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือน ก.ย. หลังการประกาศดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นทั้งดาวโจนส์ฟิวเจอร์ และตลาดหุ้นนิเคอิของญี่ปุ่นตอบสนองในทางลบโดยลดลง ประมาณ 297 จุด และ 400 จุด ตามลำดับ นอกจากนี้นักลงทุนยังเฝ้าติดตามว่าจะมีมาตรการตอบโต้จากจีนออกมาอีกหรือไม่

 (+) ดาวโจนส์บวกแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 คาดหวังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/18 จะออกมาสดใส : ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์เพิ่มขึ้นอีก 143 จุด (+0.58%) ปิดที่ 24,920 จุด เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนที่บริษัทจดทะเบียนจะทยอยประกาศงบไตรมาส 2/18 ซึ่งตลาดคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐจะมีรายได้ในไตรมาส 2/18 เพิ่มขึ้นประมาณ 20%yoy โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และเริ่มได้ผลบวกจากมาตรการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของโดนัล ทรัมป์ โดยบริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศงบในสัปดาห์นี้ อาทิ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป

(+) ราคาน้ำมันดิบบวกต่อในกรอบจำกัด ตลาดยังกังวลปัญหาซัพพลายตึงตัวหลังจากคนงานน้ำมันในนอร์เวย์และกาบองหยุดงานประท้วง : ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือเกือบ 0.4% ปิดที่ 74.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 78.86 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกกังวลต่อปัญหาอุปทานตึงตัว หลังมีรายงานว่า คนงานในอุตสาหกรรมน้ำมันของนอร์เวย์ผละงานประท้วง ส่งผลให้การผลิตน้ำมันลดลง 23,000 บาร์เรล/วัน นอกจากนี้ยังมีข่าวประท้วงของคนงานในกาบองส่งผลให้กำลังการผลิตลดลงประมาณ 54,000 บาร์เรล/วัน