Money Wizard - June 25 2018
(25/06/2018 - 08:30)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วันก่อนปิดทรงตัว +0.54 จุด (+0.03%) ปิดที่ 1,634 จุด มูลค่าการซื้อขาย 50,150 ล้านบาท เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นประกอบกับนักลงทุนยังมีความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศต่างๆ ซึ่งกดดันต่อภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงติดตามการประชุม OPEC ในช่วงสุดสัปดาห์ โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 875 ล้านบาท ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,786 ล้านบาท และ Net Short TFEX 1,153 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มีมุมมองเป็นกลาง คาดดัชนีแกว่งตัว 1,625 – 1,645 จุด เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นแรงตอบรับผลการประชุม OPEC ปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้อยกว่าคาด (คาดเพิ่ม 6 แสนบาร์เรล/วัน) ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้การทำ Window dressing ปิด NAV 2Q18 ในช่วงสัปดาห์นี้จะเป็นแรงหนุนต่อดัชนีด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศต่างๆยังคงมีต่อไป หลังล่าสุดปธน.ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษี 20% ต่อรถยนต์นำเข้าจากสภาพยุโรป ประกอบกับแรงกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกต่อเนื่อง โดย MTD เป็น Net sell 4.5 หมื่นล้านบาท และ YTD Net sell 1.76 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้ดัชนียังมีความผันผวนต่อไป

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : เน้นตั้งรับ ไม่ไล่ราคา

  • กลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 เดือนเหนือ 68 US/Barrel
  • กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ และอาหาร ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุด 32.9 Bath/USD
  • กลุ่มผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว อาทิ CPF, BANPU, TKN, EPG, GCAP และ ANAN
  • AOT, BH, CPALL, CPN, CBG, และ MINT คาดเป็นกลุ่มที่มีโอกาสทำ Window dressing เนื่องจากราคา Underperform ตลาดในช่วงที่ผ่านมา

หุ้นแนะนำวันนี้ : QH (ปิด 3.12 ซื้อ/เป้า 4.2) มี Upside ที่ตลาดจะปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรสุทธิในปีนี้ขึ้นหลัง GPM ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูงให้ Dividend yield ประมาณ 6-8% ต่อปี, SPALI (ปิดที่ 24.3 ซื้อ/เป้า 27) เป็นอีก 1 หุ้นที่น่าสนใจในกลุ่ม property จากแนวโน้มกำไรที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2021 แนวโน้มยอดขาย Presale ในช่วง 5 เดือนออกมาดีเกินคาด ทำให้ทั้งปีมี Upside ที่ตลาดจะปรับเพิ่มคาดการณ์ KCE (ปิด 37.5 อัพเกรดเป็น ซื้อ/เป้าใหม่ 46 จาก 31) ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ระดับ 32.9 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่ามากสุดในรอบ 7 เดือนเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เลือก KCE เป็น Top pick เนื่องจากจะได้ผลบวกจากค่าเงินบาท และยังได้ผลบวกจากราคาทองแดงซึ่งเป็นต้นทุนหลักเริ่มปรับลง เราจึงปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิในปีหน้า และปี 2020 ขึ้น พร้อม rollover ราคาเป้าหมายเป็นปี 2019

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน,อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : BANPU, BBL, BCH, IVL, HTC, MINT, MTC, PTTGC, QH, และ SPALI

KSS report วันนี้ : KCE (ปิด 37.5 อัพเกรดเป็น ซื้อ/เป้าใหม่ 46 จาก 31), PSL (ปิด 11.3 ซื้อ/เป้า 17)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :                                           

  • (+) ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งแรงกว่า 4.6% ตอบรับผลประชุม OPEC ปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้อยกว่าคาด เราประเมินราคาปรับขึ้นแค่ช่วงสั้น : เมื่อวันศุกร์ราคาน้ำมันดิบ WTI บวกแรงกว่า 3.04 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 68.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ตอบรับผลประชุมของกลุ่ม OPEC ซึ่งมีมติให้กลุ่มประเทศสมาชิกปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ แม้ OPEC จะไม่ได้ระบุตัวเลขที่ชัดเจนแต่มีการคาดการณ์กันว่า OPEC จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตในครั้งนี้ประมาณ 6 แสนบาร์เรลต่อวัน  อย่างไรก็ตามเรามองว่าราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแรงในครั้งนี้จะเป็นการปรับเพิ่มในช่วงสั้นเนื่องจากเราเชื่อว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบที่สูงขึ้นของ OPEC และสหรัฐอเมริกาจะกดดันให้ราคาน้ำมันดิบในระยะถัดไปลดลง เราประเมินกรอบราคาน้ำมันดิบ WTI สัปดาห์นี้จะ Sideways ในกรอบ 65(+/-2)$/bbl
  • (-) Trade war ยังคงอยู่ล่าสุด ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษี 20% ต่อรถยนต์นำเข้าจากสหภาพยุโรป: ทรัมป์ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีจากรถยนต์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) ในอัตรา 20% หาก EU ไม่ยกเลิกการเรียกเก็บภาษีต่อรถยนต์สหรัฐ โดยก่อนหน้านี้ทรัมป์สั่งการให้ กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบว่า ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่นำเข้าจากต่างประเทศนั้นเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติหรือไม่ ซึ่งตลาดคาดการณ์กันว่าหน้าจะใช้เวลาการตรวจสอบไปจนถึงต้นปีหน้า อย่างไรก็ตามสหรัฐคาดว่าการตรวจสอบดังกล่าวน่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ค.หรือ ส.ค.ปีนี้.
  • (+) ลุ้นกองทุนทำ window dressing ช่วยประคองดัชนีในช่วงท้ายสัปดาห์ : สืบเนื่องจาก SET Index ที่ปรับตัวลงแรงในช่วงครึ่งปีแรกโดย QTD ลดลง 8% และ YTD ลดลง 6.7% ส่งผลให้บรรดากองทุนต่างๆมีผลการดำเนินงานที่ไม่ค่อยสดใสสะท้อนผ่าน NAV ที่ลดลง ประกอบกับกองทุนจะต้องเร่งโชว์ผลการดำเนินงานเพื่อเปิดขายกองทุนในช่วงครึ่งปีหลัง จึงมีความเป็นไปได้สูงที่บรรดากองทุนต่างๆจะเข้าทำราคาปิดในช่วงปลายเดือน (Window dressing) เราประเมินว่าหุ้นที่ปรับตัวลงแรงและให้ผลตอบแทนแพ้ตลาดในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นเป้าในการทำ Window dressing ในครั้งนี้ อาทิ AOT BH CPALL CPN CBG MINT