ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามและเงินเฟ้อ (POSITIVE)
(08/03/2022 - 07:50)

โรงพยาบาลจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากความขัดแย้งจากรัสเซีย-ยูเครน และเงินเฟ้อ รพ.จะได้ประโยชน์จากการกลับมาของผู้ป่วยไทยโรคไม่เร่งด่วนและผู้ป่วยต่างชาติ แนวโน้มกำไร BCH และ CHG ไม่สดใสจากรายได้เกี่ยวกับโควิดลดลง เราประมาณการกำไรปี FY22F ลดลง 73% และ 69% ตามลำดับ  อย่างไรก็ตาม กำไร BH และ BDMS จะฟื้นตัว 86% และ 17% ตามลำดับ จากการปลดล็อคอุปสงค์คงค้างผู้ป่วยต่างชาติ  BH และ BDMS เป็นหุ้นเด่นของเรา

การดำเนินงานไม่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ

หุ้นโรงพยาบาลจะไม่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เนื่องจากมีผู้ป่วยจากสองประเทศนี้จำนวนเพียงเล็กน้อย ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจทำให้ความมั่งคั่งของลูกค้าตะวันออกกลางสูงขึ้น  ซึ่งเป็นกลุ่มที่เป็นสัดส่วนใหญ่ของผู้ป่วยต่างชาติในไทย ความขัดแย้งทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเป็น 5.28% ในก.พ. และทำให้ต้นทุนดำเนินงานสูงขึ้น แต่โรงพยาบาลจะสามารถส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นให้ผู้ป่วย

 

ปลดล็อคอุปสงค์คงค้างผู้ป่วยโรคไม่เร่งด่วน

รายได้ที่ไม่ใช่โควิดรวม (BH, BDMS, BCH และ CHG) ฟื้นตัว 30% qoq เป็น 2.6 หมื่นลบ. ใน 4Q21 แตะ 89% ของ 4Q19 (ก่อนโควิด) โมเมนตัมรายได้จะต่อเนื่องปีนี้เนื่องจากผู้ป่วยคลายกังวลในการเข้ารักษาในรพ. ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทุกโรงพยาบาล

การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์สูงขึ้น – BH และ BDMS เป็นผู้ได้ประโยชน์หลัก

หลังการเปิดเมืองในพ.ย. รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติของ BH และ BDMS เพิ่มขึ้น 28% qoq เป็น 5.6 พันลบ. ใน 4Q21 แตะระดับ 61% ของระดับใน 4Q19 เราคาดรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจะเติบโต 24% yoy เป็น 2.3 หมื่นลบ. ในปีนี้ ซึ่งจะมารักษาโรคซับซ้อนซึ่งมีค่ารักษาและอัตรากำไรขั้นต้นสูง BH และ BDMS จะได้ประโยชน์จากการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุฯ หลังหยุดไป 32 ปี

 

รายได้เกี่ยวกับโควิดจะมีความสำคัญน้อยลง

จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันแตะระดับสูงสุดใหม่ใน 26 ก.พ. และอยู่สูงกว่า 20,000 ราย ส่วนการตรวจ RT-PCR รายวันเพิ่มขึ้น 28% qoq เป็น 54,807 รายช่วง 1 ม.ค. -19 ก.พ. แต่กระทรวงสาธารณสุขปรับลดราคาเบิกจ่าย UCEPCOVID ได้แก่ RT-PCR ลง 27-31% (Fig 8-11) และค่าห้องผู้ป่วยสีเขียวลง 20-33% (รพ., โฮสพิเทล, รพ.สนาม, การกักตัวที่บ้านหรือชุมชน) เป็นเหมาจ่าย 6,000 บาทผู้ป่วยรักษาน้อยกว่า 7 วัน และ 12,000 บาทสำหรับผู้ป่วยที่รักษา 7 วันหรือมากกว่า  การปรับลดนี้สะท้อนว่าจำนวนผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มขึ้นอาจไม่ทำให้รายได้สูงขึ้นในระดับเดียวกัน นอกจากนี้จำนวนผู้ป่วยโควิดคาดจะแตะระดับสูงสุดในเม.ย. และจะลดลงหลังจากนั้น เราคาดว่าสัดส่วนรายได้เกี่ยวกับโควิดต่อรายได้รวมจะลดลงเป็น 37%, 44%, 10%, 10% จาก 56%, 52% 20%, 17% สำหรับ BCH, CHG, BH และ BDMS ตามลำดับ

 

หุ้นเด่นของกลุ่ม – BH และ BDMS

เราชอบ BH และ BDMS จากแนวโน้มกำไรสดใสเติบโต 3 ปี CAGR +39% และ 15% ตามลำดับจากการกลับมาของผู้ป่วยไทยโรคไม่เร่งด่วนและผู้ป่วยต่างชาติ เราแนะนำ ถือ BCH และ CHG ซึ่งมีแนวโน้มกำไรลดลงตามรายได้เกี่ยวกับโควิด