March 21, 2019
(21/03/2019 - 08:35)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index อ่อนตัวลง -2.47 จุด (-0.15%) ปิดที่ 1,627 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายเบาบาง 3.6 หมื่นล้านบาท จากแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังดัชนีดีดตัวขึ้นแรงเมื่อวันก่อน ประกอบกับลดความเสี่ยงลงเพื่อติดตามผลการประชุม FOMC ว่าจะส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยและการชะลอปรับลดงบดุลหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นฝั่งขายสุทธิ 1,409 ล้านบาท แต่ Net long TFEX เล็กน้อย 419 สัญญา และ ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 549 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มุมมองเป็นบวกเล็กน้อยคาดดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,635 - 1,640 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว โดยภาวะตลาดได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นทำ high ในรอบ 4 เดือนเหนือ 60 US/Barrel หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 9.6 ล้านบาร์เรล รวมถึง FED มีมติคงดอกเบี้ยที่ 2.5% ตามคาดรวมถึงส่งสัญญาณไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ (เดิมจะปรับขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ 2 ครั้ง) และจะชะลอการปรับลดงบดุลในเดือนพ.ค.จาก 3 เหลือ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือนก่อนจะยุติการปรับลดงบดุลในเดือนก.ย.ซึ่งเป็นบวกต่อการลงทุน Risk asset  อย่างไรก็ตามความกังวลการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเป็นแรงกดดันหลัง FED ปรับลดคาดการณ์ GDP สหรัฐปีนี้ลงสู่ 2.1% (จากเดิม 2.3%) และปีหน้าจาก 2% ลงสู่ 1.9% นอกจากนี้กนง.มีการปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้ลงสู่ 3.8% (จากเดิม 4%) โดยลดคาดการณ์การขยายตัวในหลาย sector ทั้งการบริโภค+การลงทุนของภาครัฐและเอกชน รวมถึงการส่งออก นำเข้า ซึ่งจะกดดันให้ภาวะตลาดยังคงมีความผันผวนต่อไป

กลยุทธ์การลงทุน :

  • กลุ่มโรงกลั่น (TOP, PTTGC, SPRC) คาดงบ 1Q19 เป็นบวกจากค่าการกลั่นฟื้นตัวขึ้นและ Stock gain
  • กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ได้ประโยชน์จากเม็ดเงินที่จะสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง
  • กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนขยายตัวขึ้น

หุ้นแนะนำวันนี้ : DCC (ปิด 2.16 ซื้อ/เป้า 3.1) คาดกำไรสุทธิ 1Q19 พุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี จากยอดขายสินค้า high margin (กระเบื้องขนาด 60*60) เร่งตัวขึ้นทั้ง Volume  และ ราคา ขณะที่ต้นทุน Gas cost เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา, TOP (ปิด 69.75 ซื้อ/เป้า 90) ได้ Sentiment บวกอย่างต่อเนื่องจากค่าการกลั่นที่กลับมาฟื้นตัว โดยล่าสุดค่าการกลั่น ณ โรงกลั่นสิงคโปร์เร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 4.5$/bbl เทียบกับช่วงต้นปีอยู่ที่ระดับ 1.5$/bbl ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นใน 1Q19 จะทำให้บริษัทพลิกกลับมามีกำไรจาก Stock gain จำนวนมากเทียบกับ 4Q18 ที่ขาดทุน

Top picks ปี 2Q19 : CPALL, IVL, MTC, SPRC และ TOP

KSS report วันนี้ : BGRIM (ปิด 29.5 ซื้อ/เป้า 35)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :         

  • (+/-) เฟดคงดอกเบี้ย 2.5% พร้อมส่งสัญญาณไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีกปีนี้ และ จะยุติการลด Balance sheet ในเดือน ก.ย.แต่ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้เป็น 2.1% จาก 2.3% : เฟดมีมติเป็นเอกฉันฑ์ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ตามเดิม พร้อมปรับลด Dot plot ในการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ลงจาก 2 ครั้งเป็น 0 ครั้ง หรือเท่ากับว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ส่วนปีหน้าเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ด้านนโยบายปรับลดสภาพคล่อง เฟดจะชะลอปรับลดงบดุลในเดือนพ.ค. จากระดับ 3 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เหลือ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และจะยุติการปรับลดงบดุลในเดือน ก.ย. มองเป็นบวกต่อทิศทาง Fund Flow ที่จะเห็นการไหลกลับสู่ตลาดเกิดใหม่กันมากขึ้น อย่างไรก็ตามเฟดมีมุมมองเป็นลบต่อทิศทางเศรษฐกิจโดยปรับลดคาดการณ์ GDP สหรัฐในปีนี้และปีหน้าเป็น 2.1% และ 1.9% จากเดิม 2.3% และ 2% ตามลำดับ
  •  (+) – WTI $/bbl   โดย EIA รายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลง 9.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3 แสนบาร์เรล ขณะที่สต๊อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบตอบรับในทางบวกโดย WTI เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ (+1.4%) ปิดที่ 59.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • (+/-) กนง.คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ตามคาด แต่ลดคาดการณ์ GDP ในปีนี้เป็น 3.8% จากเดิม 4% และคาด GDP ปีหน้าขยายตัว 3.9% : คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันฑ์ 7:0 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ตามเดิม (ครั้งก่อนคงดอกเบี้ยแต่มติไม่เป็นเอกฉันฑ์ที่ 4:2)  ทำให้เป็นไปได้ว่า กนง.อาจจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ อย่างไรก็ตาม กนง.ปรับลดคาดการณ์ GDP ในปีนี้ลงเป็นขยายตัว 3.8% จากเดิม 4% และคาด GDP ปีหน้าขยายตัว 3.9% เป็นผลจากการปรับลดคาดการณ์ในทุกกิจกรรม โดยเฉพาะภาคการส่งออกถูกปรับลดคาดการณ์มากสุด โดย กนง.คาดมูลค่าการส่งออกในปีนี้จะขยายตัว 3% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 3.8% กังวลปัญหาสงครามการค้า
  • (-) ผิดคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ก.พ.ลดลง 12.3%yoy ลดลง yoy เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เป็นลบต่อ sentiment กลุ่มท่องเที่ยว : กระทรวงการท่องเที่ยวฯรายงานจำนวนนักท่องเที่ยวเดือน ก.พ.มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมด 3.57 ล้านคน เพิ่มขึ้น 0.17%yoy แต่นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงเป็น 1.05 ล้านคนลดลง 1.6%mom และ 12.3%yoy สวนทางกับที่เราคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.2 ล้านคนซึ่งเป็นระดับเดียวกับเดือน ก.พ.ของปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มชะลอตัวจะทำให้หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว (MINT, CENTEL, ERW และ SPA)ไร้ซึ่งปัจจัยบวกกดดันให้ราคาหุ้นมีโอกาสลดลงในลักษณะ Sideway down