March 20, 2019
(20/03/2019 - 08:25)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้น 12.52 จุด (+0.77%) ปิดที่ 1,630 จุด แต่มูลค่าซื้อขายยังเบาบาง 3.6 หมื่นล้านบาท หุ้นกลุ่ม Energ และ Petro ปรับขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 59US/barrel สูงสุดในรอบ 4 เดือน รวมถึงการรีบาวด์ของกลุ่ม Comm หลังราคาทรุดตัวสะท้อนข่าวปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไปแล้ว Fund flow ต่างชาติกลับมาเป็นบวก นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 602 ล้านบาท Net long TFEX มาขึ้นเป็น 16,794 สัญญา และ ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,008 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มุมมองเป็นกลางคาดดัชนีแกว่งตัว 1,625 - 1,640 จุด โดยภาวะตลาดยังคงได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวระดับสูงเหนือ 59 US/Barrel รวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่พลิกเป็นฝั่งซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาด (หุ้น TFEX และพันธบัตร) อย่างไรก็ตามความกังวลการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐเข้ามากดดันหลังมีประเด็นข่าวจีนอาจไม่ทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐบางประเด็นรวมถึงการปกป้องข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยา นอกจากนี้คาดว่านักลงทุนจะชะลอการซื้อ/ขายเพื่อติดตามการประชุม FOMC (คาดคงดอกเบี้ยที่ 2.5%) ในส่วนของการส่งสัญญาณแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและการชะลอปรับลดงบดุลในช่วงถัดไป ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน

กลยุทธ์การลงทุน :

  • กลุ่มโรงกลั่น (TOP, PTTGC, SPRC) คาดงบ 1Q19 เป็นบวกจากค่าการกลั่นฟื้นตัวขึ้นและ Stock gain
  • กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ได้ประโยชน์จากเม็ดเงินที่จะสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง
  • กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนขยายตัวขึ้น

หุ้นแนะนำวันนี้ : DCC (ปิด 2.12 ซื้อ/เป้า 3.1) คาดกำไรสุทธิ 1Q19 พุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี จากยอดขายสินค้า high margin (กระเบื้องขนาด 60*60) เร่งตัวขึ้นทั้ง Volume  และ ราคา ขณะที่ต้นทุน Gas cost เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา, EA (ปิด 48.5 ซื้อ/เป้า 63) คาดกำไรสุทธิ 1Q19 พุ่งทำ All time high ต่อเนื่องรับข่าวดีโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1 และ 8 กำลังการผลิตรวม 90MW เริ่ม COD ตั้งแต่ 25 ม.ค. ขณะที่ปลายเดือน มี.ค.จะเริ่มการผลิตโครงการใหม่อีก 170MW

Top picks ปี 2Q19 : CPALL, IVL, MTC, SPRC และ TOP

KSS report วันนี้ : IRPC (ปิด 5.75 ถือ/เป้า 5.5)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :         

  • (-) กระแสข่าวทางลบต่อการเจราจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐจะคอยกดดันตลาดไปจนกว่าทั้งสองประเทศจะลงนามยุติข้อพิพาทอย่างเป็นทางการ : นักลงทุนกลับมากังวลต่อการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอีกครั้งหลังจาก Bloomberg รายงานว่าจีนอาจจะตีตกหรือไม่ทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐในบางประเด็น อาทิ การปกป้องข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยา อย่างไรก็ตามตลาดไม่ได้วิตกกังวลต่อประเด็นนี้มากนัก เนื่องจากอีกด้านมีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้ง 2 ประเทศจะกลับมาเจรจาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
  • (-) ราคาน้ำมันดิบพักตัว (WTI ลดลง 6 เซนต์) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐในคืนนี้ : ราคาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบ โดย WTI ลดลง 6 เซนต์ (-0.1%) ปิดที่ 59 $/bbl เช่นเดียวกันน้ำมันดิบ BRENT เพิ่มขึ้นเพียง 7 เซนต์ (+0.1%) ปิดที่ 67.61$/bbl เนื่องจากนักลงทุนรอดูรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐในคืนวันนี้ซึ่งตลาดคาดว่าสต๊อกน้ำมันดิบจะปรับตัวขึ้น 1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ลดลงแรงกว่า 3.9 ล้านบาร์เรล
  • (+) ประชุมเฟดคืนนี้คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ตามเดิม แต่อาจเห็นการปรับลด dot plot ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของปีนี้ลง : เราคงมุมมองเดิมคาดเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.5% สอดคล้องกับผลสำรวจของ CME Group และ Bloomberg consensus ซึ่งคาดความน่าจะเป็นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้อยู่ที่ 0% และ 0.8% ตามลำดับ อย่างไรก็ตามเรามองว่าตามรับรู้ปัจจัยนี้ไปแล้ว สิ่งที่ตลาดคาดหวังเพิ่มเติมในการประชุมครั้งนี้คือ การปรับลด dot plot ของการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ลงจาก 2 ครั้งเป็น 1 ครั้งหรือไม่มีเลย รวมไปถึงการส่งสัญญาณลดหรือยุติ Balance sheet
  • (+) ประชุม กนง.วันนี้คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ตามเดิม เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อไม่ได้เร่งตัวขึ้นจนน่ากังวล : แม้การประชุมของ กนง.ในครั้งที่ผ่านมาจะมีมติไม่เป็นเอกฉัณฑ์ 4:2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ทำให้การประชุมในวันนี้ยังมีโอกาสที่ กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามด้วยปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว (หลายหน่วยงานทยอยปรับลดคาดการณ์ GDP ลงต่ำกว่าระดับ 4%) ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ แม้เดือนก.พ. อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.73% จาก 0.27% ในเดือน ม.ค. แต่ก็ไม่ได้น่ากังวลเพราะยังต่ำกว่ากรอบเงินเฟ้อเป้าหมายของแบงก์ชาติที่ 2.5% ± 1.5% หรือกรอบ 1%-4%