January 17 2019
(17/01/2019 - 08:40)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปิดทรงตัว 0.41 จุด (+0.03%) ปิดที่ 1,577 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5 หมื่นล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีทรุดตัวลงแรงเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ รวมถึงความกังวลการปรับเปลี่ยนการตั้งสำรองของกลุ่มไฟแนนซ์ อย่างไรก็ตามแรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีรีบาวด์ขึ้นได้ในช่วงท้าย ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 1,843 ล้านบาท แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 997 ล้านบาท รวมทั้ง Net Short TFEX 3,194 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาด SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบบริเวณ 1,585 – 1,590 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว เนื่องจากได้ sentiment บวกจากจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ทั้งปรับลดภาษี ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 7 โครงการวงเงิน 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์ และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสูงถึง 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อรับมือผลกระทบ Trade war อีกทั้งความไม่แน่นอนภาวะการเมืองของอังกฤษผ่อนคลายลงหลังสภาอังกฤษลงมติไว้วางใจต่อรัฐบาลนายกฯเมย์ด้วยคะแนน 325 – 306 เสียงและเตรียมนำเสนอแผน Brexit ฉบับใหม่ต่อรัฐสภาในวันที่ 21 ม.ค. นอกจากนี้ Fund Flow ต่างชาติที่เป็น Net Buy 5 วันต่อเนื่องราว 7.4 พันลบ.จะเป็นแรงหนุนต่อดัชนีด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามคาดดัชนีจะมีสลับอ่อนตัวจากความกังวลภาวะ Shutdown ของสหรัฐที่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 27 ซึ่งหากยังไม่ได้ข้อสรุปและยืดเยื้อต่อไปจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy  

  • กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ยอดใช้จ่ายเพิ่มในช่วงปลายปีและนโยบายกระตุ้นภาครัฐ
  • หุ้น Defensive Stock ในช่วงตลาดผันผวน (BEM, BGRIM, TPIPP และ TTW)
  • กลุ่มอาหาร (TU , ASIAN) EU ปลดธงเหลืองต่อการนำเข้าสินค้าประมงของไทย
  • กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19

หุ้นแนะนำวันนี้ : IVL (ปิด 48 ซื้อ/เป้า 65) มองราคาหุ้นที่ลดลงกว่า 13.5% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาสะท้อนคาดการณ์กำไรสุทธิที่อ่อนใน  4Q18 ไปบ้างแล้ว แนวโน้มกำไรปีนี้ยังแข็งแกร่งจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากผลบวกในการเข้าซื้อกิจการในช่วงที่ผ่านมา, GFPT (ปิด 13.1 ซื้อ/เป้า 16.6)  เก็งกำไรราคาไก่ฟื้นตัวจาก 33 บาท/กก. เป็น 35 บาท/กก. (+6%) ขณะที่ราคา By product (ซี่โครงไก่) เพิ่มขึ้นแรงกว่า 50% จาก 7- 8 บาท/กก.ในช่วง 4Q18 เป็น 10-12 บาท/กก.ส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนและผลประกอบการของ GFPT ในช่วง 1Q19

Top picks ปี 2019 : BGRIM, CPALL, EA, EPG, JMT และ ROBINS

KSS report วันนี้ : LH (ปิด 9.75 ถือ/เป้า 10), PTTGC (ปิด 68 ปรับเป็นถือ/เป้าใหม่ 70 จาก 100)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :

 (+) ดาวโจนส์บวกต่อ หุ้นธนาคารสหรัฐพุ่งแรง รับผลกำไรของ โกลด์แมนแซคส์ และ แบงก์ ออฟ อเมริกา ออกมาดีเกินคาด: ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 141.57 จุด (+0.59%) ปิดที่ 24,207 จุด จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร ตอบรับ โกลด์แมนแซคส์ และ แบงก์ ออฟ อเมริกา รายงานผลกำไรไตรมาส 4 ออกมาดีเกินคาด โดย โกลด์แมน แซคส์ มีกำไรต่อหุ้น 6.04 ดอลลาร์สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 4.30 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่ แบงก์ ออฟ อเมริกา มีกำไรต่อหุ้นที่ 73 เซนต์สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 63 เซนต์/หุ้น

(+) เทเรซ่าร์ เมย์ ได้อยู่ต่อ รัฐสภาอังกฤษลงมติไว้วางใจด้วยคะแนนเสียง 325 ต่อ 306 คะแนน คาดเดินหน้ายื่นแผน Brexit ฉบับใหม่ก่อนวันที่ 21 ม.ค. 19 : แม้รัฐสภาอังกฤษจะคว่ำร่าง Brexit ของเทเรซ่า เมย์ แต่วานนี้รัฐสภาอังกฤษยังให้ความไว้วางใจให้รัฐบาลของเทเรซ่า เมย์ ให้ปฏิบัตหน้าที่ต่อไปด้วยคะแนนเสียง 325 ต่อ 306 คะแนน ต่อจากนี้คาดว่ารัฐบาลอังกฤษจะเสนอแผน Brexit ฉบับใหม่เพื่อให้รัฐสภาลงมติอีกครั้งในวันที่ 21 ม.ค. 19 ขณะเดียวกัน EU อาจจะให้อังกฤษเลื่อน Brexit ออกไปก็ได้ซึ่งถือเป็นข่าวดีใหม่เข้ามาหนุนตลาด (หากไม่เลื่อนหรือถูกคว่ำร่างอีกจะต้อง Brexit แบบไร้ข้อตกลงในวันที่ 29 มี.ค.19)

(+) จีนเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ วานนี้แบงก์ชาติจีนอัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบอีก 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์ และประกาศลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอีก 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์ : โดยมีโครงการลงทุนทั้งหมด 7 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นโครงการรถไฟระหว่างเมือง สถานีไฟฟ้า และ สนามบิน ส่วนการอัดฉีดสภาพคล่อง 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์ นับเป็นการอัดฉีดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของจีน เพื่อคลายภาวะขาดแคลนสภาพคล่อง และอัดฉีดก่อนเข้าสู่ช่วงตรุษจีน

(+/-) World Bank ลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้เป็น 3.8% จากเดิม 3.9% แต่ยังอยู่ในกรอบคาดการณ์ของตลาดที่ 3.7%-4.2% : World Bank คาด GDP ไทยปี 62 จะขยายตัว 3.8% ลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 3.9% แต่มองบวกต่อแนวโน้ม GDP ในปี 20 ที่คาดว่าจะโตเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% อย่างไรก็ตามเราไม่ได้กังวลมากนักต่อการปรับลดคาดการณ์ GDP ของ World Bank เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวอยู่ในกรอบคาดการณ์ของตลาดที่ระดับ 3.7%-4.2% อยู่แล้ว