November 16, 2018
(16/11/2018 - 08:50)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลง -13.47 จุด (-0.82%) ปิดที่ 1,639 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.42 หมื่นล้านบาท เนื่องจากความกังวล Fund flow ที่ยังคงไหลออกต่อเนื่องหลังตัวเลข CPI เดือนต.ค.ของสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 9 เดือนซึ่งหนุนต่อ FED ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้เป็นแรงขายในกลุ่ม COMM, PROP และ FIN ที่กดดันให้ดัชนีทรุดตัวลงแรง ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นฝั่งขายสุทธิที่ 1,346 ล้านบาท และ Net Short TFEX 14,168 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 3,863 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มุมมองเป็นกลาง คาดดัชนีแกว่งตัว 1,630 - 1,650 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ sentiment เชิงบวกจากข่าวสหรัฐชะลอการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนชั่วคราวซึ่งส่งผลให้ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตามความกังวล FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องหลังตัวเลข CPI สหรัฐเดือนต.ค.ที่พุ่งสูงสุดในรอบ 9 เดือน รวมถึงตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่งซึ่งกดดันต่อกระแส Fund flow ต่างชาติให้มีแนวโน้มไหลออก โดยล่าสุดเป็น Net sell 5.5 พันล้านบาท (MTD) และเป็น Net Short TFEX 5 วันติดต่อกันราว 4.2 หมื่นสัญญา ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงจะกระทบต่อผลประกอบการกลุ่มพลังงานใน 4Q18 ซึ่งจะกดดันให้ภาวะตลาดอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่มสายการบิน (AAV, THAI, BA)  ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงและครม.ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและผ่อนปรนวีซ่าเข้าประเทศ
  • หุ้นที่เข้าคำนวณ MSCI รอบใหม่ Global Standard (GULF, MTC)  Small Cap (CBG, MBK, PRINC) มีผลวันที่ 30 พ.ย.
  • กลุ่มรับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA) รับผลบวกจากการเลือกตั้ง และโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ

หุ้นแนะนำวันนี้ : BCH (ปิด 18.7 ซื้อ/เป้า 21) งบ 3Q18 ออกมาดีมีกำไรสุทธิ 356 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 43%qoq และ 18%yoy แนวโน้ม 4Q18 ยังดีต่อ จากรายได้ที่เร่งตัวขึ้นของศูนย์ WMC แจ้งวัฒนะ (เคยเป็นตัวถ่วงจะกลับมาเป็นตัวหนุน), ROBINS (ปิด 67.75 ซื้อ/เป้า 76) เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่คาดว่าจะได้ผลบวกจากเม็ดเงินหมุนเวียนและสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนเลือกตั้ง (6 หมื่นล้านบาท) เนื่องจาก ROBINS มีสัดส่วนรายได้จากฐานลูกค้าในต่างจังหวัดคิดเป็น 40% ของรายได้รวมขณะที่ Valuation ถูกสุดของกลุ่ม (PE 23 เท่าเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 26-28 เท่า)

Top picks ปีนี้ : ANAN, BBL, CPALL, MTC, ROBINS และ SPALI

KSS report วันนี้ : CPF (ปิด 24.6 ซื้อ/เป้า 28), MONO (ปิด 1.88 ถือ/เป้าใหม่ 1.8 เดิม 2.6)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :         

  • (+) ดาวโจนส์ฟื้นตัว (+209 จุด) คาดหวังจีนและสหรัฐเจรจายุติข้อพิพาททางการค้า : ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกได้เป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการโดยเพิ่มขึ้น 209 จุด (+0.83%) ปิดที่ 25,289 จุด เนื่องจากนักลงทุนตอบรับข่าวสหรัฐอาจจะชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนล็อตใหม่เอาไว้ชั่วคราว นอกจากนี้นักลงทุนยังคาดหวังในทางบวกว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะบรรลุข้อตกลงในการประชุมนอกรอบในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.
  • (-) Brexit ผ่านแต่การเมืองอังกฤษกำลังวุ่น เนื่องจากรัฐมนตรีหลายคนลาออก ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลง Brexit ที่ผิดไปจากคำมั่นที่ให้ไว้กับประชาชน : ร่างข้อตกลง Brexit ได้ผ่านความเห็นชอบร่วมกันระหว่างอังกฤษและ EU แล้ว ขณะที่คณะรัฐมนตรีอังกฤษก็ให้ความเห็นชอบเช่นกัน แต่ดูเหมือนปัญหาดังกล่าวจะไม่ราบรื่นเมื่อคณะรัฐมนตรีประกาศลาออกถึง 4 คนเนื่องจากมองว่าข้อตกลง Brexit ในครั้งนี้ ขัดต่อคำมั่นที่ให้ไว้กับประชาชน (เป็นข้อตกลงที่เหมือนไม่ได้ทำ Brexit)
  • (+) น้ำมันดิบยังฟื้นตัวในกรอบจำกัด (+21 เซนต์) เนื่องจากตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 8 : แม้ราคาน้ำมันดิบจะร่วงแรงกว่า 29% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ราคาน้ำมันดิบกลับฟื้นตัวได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดยังมีความกังวลต่อดีมานด์ที่ชะลอตัวลงและการผลิตที่สูงขึ้นของสหรัฐ หลังจากตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของอเมริกาเพิ่มขึ้นอีก 10.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมามากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านบาร์เรล นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8
  • (+/-) สัปดาห์หน้าติดตามตัวเลข GDP ไตรมาส 3/18 ของไทย และเกาะติดตัวเลขส่งออกเดือนต.ค.จะพลิกเป็นบวกได้หรือไม่ (คาด+3.85%yoy) : หลังจากที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวเริ่มลดลงและการส่งออกเริ่มหดตัวทำให้ตลาดวิตกว่าจะกดดันให้ GDP บ้านเราชะลอตัวลงไปด้วย ซึ่งในวันจันทร์นี้สภาพัฒน์จะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/18 ของไทยตลาดส่วนใหญ่คาด GDP จะเติบโต 4.2% ลดลงจากไตรมาส 2/18 ที่ขยายตัว 4.6% ขณะที่วันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะรายงานตัวเลขส่งออกเดือนต.ค.ซึ่งจะบ่งชี้ถึงทิศทาง GDP ของไทยในไตรมาส 4/18 หากตัวเลขพลิกกลับมาเป็นบวกคาดว่าจะช่วยดึง Sentiment ของตลาดกลับมาตรงกันข้ามหากยังหดตัวต่อจะกลายเป็นปัจจัยลบซ้ำเติมตลาดอีก (ตลาดคาด+3.85%yoy)