November 15, 2018
(15/11/2018 - 08:50)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลง -7.48 จุด (-0.45%) ปิดที่ 1,652 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 4.48 หมื่นล้านบาท นำโดยแรงขายกลุ่มพลังงานและปิโตรหลังราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงแรงตามการคาดการณ์กลุ่มโอเปกว่าจะเกิดภาวะ Oversupply ในปีหน้า รวมถึงปรับลด Demand น้ำมันในปี 2562 ลงด้วยเช่นกัน ประกอบกับความกังวล Fund Flow ที่ยังคงไหลออกซึ่งกดดันต่อดัชนี ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิที่ 1,756 ล้านบาท และ Net Short TFEX 5,503 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 562 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มุมมองเป็นกลาง คาดดัชนีแกว่งตัว 1,645 - 1,660 จุด เนื่องจากภาวะตลาดขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน โดยแม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะสามารถรีบาวด์ขึ้นยืนเหนือ 56 US/Barrel หลังสมาชิกกลุ่มโอเปกสนับสนุนให้มีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงในการประชุม 6 ธ.ค.ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม sentiment เชิงลบจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลงจากความกังวลหุ้นกลุ่มธนาคารที่อาจมีมาตรการเข้มงวดขึ้นหลังพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏร รวมถึงตัวเลข CPI สหรัฐเดือนต.ค.ที่พุ่งสูงสุดในรอบ 9 เดือน +0.3% MoM จะยิ่งเป็นตัวเร่งให้ FED ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในการประชุม 18 – 19 ธ.ค. ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อ Fund Flow ต่างชาติให้มีแนวโน้มไหลออกต่อเนื่อง  นอกจากนี้ความผันผวนของหุ้นรายตัวหลังประกาศงบ 3Q18 ซึ่งจะกดดันให้ภาวะตลาดผันผวนง่าย

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่มสายการบิน (AAV, THAI, BA)  ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงและครม.ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและผ่อนปรนวีซ่าเข้าประเทศ
  • หุ้นที่เข้าคำนวณ MSCI รอบใหม่ Global Standard (GULF, MTC)  Small Cap (CBG, MBK, PRINC) มีผลวันที่ 30 พ.ย.
  • กลุ่มรับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA) รับผลบวกจากการเลือกตั้ง และโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ

หุ้นแนะนำวันนี้ : BDMS (ปิด 24.6 ซื้อ/เป้า 30) แจ้งกำไรสุทธิ 3Q18 ที่ 2.88 พันล้านบาท 41%qoq และ 19%yoy ตอกย้ำมุมมองเดิมของเราที่เชื่อว่า BDMS ผ่านพ้นช่วงของการลงทุนมาและและจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลกำไร, CENTEL (ปิด 40.25 ซื้อ/เป้า 45) รับอานิสงส์ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นนักท่องเที่ยว ขณะที่ผลประกอบการ 3Q18 ทำได้ 442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%qoq และ 20%yoy สวนทางผู้ประกอบการรายอื่นที่ผลกำไรหดตัว,

Top picks ปีนี้ : ANAN, BBL, CPALL, MTC, ROBINS และ SPALI

KSS report วันนี้ : BPP (ปิด 23.3 ถือ/เป้า 27), BTS (ปิด 9.4 ซื้อ/เป้า 10.5), CPN (ปิด 78.75 ซื้อ/เป้าใหม่ 93 เดิม 97), HANA (ปิด 33.25 ถือ/เป้า 42), STA (ปิด 17.7 ซื้อ/เป้า 22)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :         

  • (-) ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 จากแรงขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย หุ้นแอปเปิล เนื่องจากกังวลยอดขาย iPhone หดตัว : ดาวโจนส์ลดลงอีก 206 จุด (-0.81%) ปิดที่ 25,081 จุด จากแรงเทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีนำโดยหุ้นแอปเปิล หลังจากที่นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ต่างๆออกมาลดความน่าลงทุนในหุ้นแอปเปิล เนื่องจากกังวลยอดขาย iPhone อาจจะตกต่ำลงในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากการลดลงของหุ้นกลุ่มธนาคารเนื่องจากกังวลว่าการที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะนำไปสู่การใช้มาตรการที่เข้มงวดต่อภาคธนาคาร
  • (+) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวกครั้งแรกในรอบ 13 วันทำการ จากข่าว OPEC อาจจะลดกำลังการผลิตมากกว่าที่เคยส่งสัญญาณ : ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ (+1%) ปิดที่ 56.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตอบรับข่าว ประธานกลุ่มโอเปก ระบุว่าสมาชิกโอเปกบรรลุฉันทามติเพื่อสนับสนุนให้ลดกำลังการผลิตในการประชุมของกลุ่ม OPEC ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 6 ธ.ค. โดยตลาดมีการคาดการณ์กันว่ากลุ่ม OPEC อาจจะลดกำลังการผลิต 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากกว่าที่เคยส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้าว่าจะลดกำลังการผลิตเพียง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • (+) แบงก์ชาติมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% ตามคาด แต่เสียงไม่เป็นเอกฉันฑ์ 4:3 ทำให้เป็นไปได้ที่แบงก์ชาติอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในการประชุมเดือนหน้า : วานนี้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ตามคาด แต่เสียงไม่เป็นเอกฉันฑ์ที่ 4 :3  โดยมีคณะกรรมการ 3 ท่านเห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมากกว่าการประชุมครั้งก่อนที่มีเพียง 2 ท่าน จึงมีความเป็นไปได้ที่การประชุมในครั้งถัดไป 19 ธ.ค. แบงก์ชาติอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง (0.25%) ตามที่แบงก์กรุงศรีฯคาดการณ์ไว้
  • (+/-) บริษัทจดทะเบียน 94% ที่ประกาศงบ 3Q18 ส่วนใหญ่ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดโดยมีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 2%qoq และ 20%yoy :  สรุปรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนใน 3Q18 เบื้องต้นประมาณ 94% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดมีกำไรสุทธิรวมประมาณ 2.55 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%qoq และ 20%yoy ผลประกอบการที่ยังเติบโตหลักๆมาจากกลุ่มพลังงานและอสังหาฯ อย่างไรก็ตามเรามองว่าตลาดรับรู้อยู่แล้วเนื่องจากกลุ่มพลังงานกำไรที่ฟื้นตัวมาจาก PTTEP ซึ่ง ปีที่ผ่านมาขาดทุนจากรายการพิเศษบันทึกด้อยค่าเงินลงทุนในแคนนาดาขณะที่ 2Q18 ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนขณะที่ปีนี้ไม่มีรายการดังกล่าว