November 14, 2018
(14/11/2018 - 08:35)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้น +4.93 จุด (+0.30%) ปิดที่ 1,659 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 4.67 หมื่นล้านบาท จากแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่ประกาศงบ 3Q18 เติบโต รวมถึงแรงซื้อจากกองทุน LTF RMF ช่วงปลายปีหลัง Valuation SET น่าสนใจ อย่างไรก็ตามความกังวล Fund Flow ที่ยังคงไหลออกเป็นแรงกดดันภาวะตลาดต่อเนื่อง  ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิที่ 1,414 ล้านบาท และ Net Short TFEX 1,903 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,397 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มุมมองเป็นลบ คาดดัชนีปรับตัวลงทดสอบ 1,650 จุด+/- จากแรงกดดันกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงแรงในรอบ 1 ปีต่ำกว่า 56 US/Barrel หลังกลุ่มโอเปกคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะ Oversupply ในปีหน้า รวมถึงปรับลด Demand น้ำมันในปี 2562 ลงด้วย อีกทั้งปธน.ทรัมป์กดดันซาอุฯและกลุ่มโอเปกไม่ให้ปรับลดกำลังการผลิตลง นอกจากนี้ Fund flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกต่อเนื่องจากความกังวล Fed ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 18 – 19 ธ.ค. และอีก 3 ครั้งในปี 2562 จะเป็นตัวถ่วงดัชนีด้วยเช่นกัน  อย่างไรก็ตามคาดว่าภาวะตลาดจะมีรีบาวด์ในช่วงอ่อนตัวได้จากปัจจัยบวกหุ้นรายตัวที่ประกาศงบ 3Q18 ออกมาดี รวมถึงการประกาศหุ้นเข้าคำนวณ MSCI รอบใหม่ที่จะมีผล 30 พ.ย.นี้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่มสายการบิน (AAV, THAI, BA)  ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงและครม.ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและผ่อนปรนวีซ่าเข้าประเทศ
  • หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการ 3Q18 เติบโต SAWAD และ STA
  • หุ้นที่เข้าคำนวณ MSCI รอบใหม่ Global Standard (GULF, MTC)  Small Cap (CBG, MBK, PRINC) มีผลวันที่ 30 พ.ย.
  • กลุ่มรับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA) รับผลบวกจากการเลือกตั้ง และโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ

หุ้นแนะนำวันนี้ : CENTEL (ปิด 39.75 ซื้อ/เป้า 45) รับอานิสงส์ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นนักท่องเที่ยว ขณะที่ผลประกอบการ 3Q18 ทำได้ 442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%qoq และ 20%yoy สวนทางผู้ประกอบการรายอื่นที่ผลกำไรหดตัว, SAWAD (ปิด 47.25 ซื้อ/เป้า 55) คาดกำไรสุทธิ 3Q18 กลับมาเป็นปกติ เบื้องต้นคาดไว้ประมาณ 761 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22%qoq และ 25%yoy จากยอดสินเชื่อที่ยังเติบโต และ NIM ที่กลับมาฟื้นตัว

Top picks ปีนี้ : ANAN, BBL, CPALL, MTC, ROBINS และ SPALI

KSS report วันนี้ : AP (ปิด 8 ซื้อ/เป้า 10), CKP (ปิด 5.25 ปรับลดเป็นถือ/เป้า 4.8), CPALL (ปิด 69.5 ซื้อ/เป้า 80), QH (ปิด 3.08 ถือ/เป้า 3.7 เดิม 3.8), TVO (ปิด 28.75 ปรับลดเป็นถือ/เป้าใหม่ 30 เดิม 36), VNT (ปิด 23.4 ซื้อ/เป้า 30)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :

  • (-) Oil shock ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงแรงกว่า 4 $/bbl หลังโอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีหน้าลงเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน  : ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 4.24 ดอลลาร์ หรือ 7.1% ปิดที่ 55.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 17 เดือน และเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 เป็นการลดลงติดต่อกันยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นผลจาก OPEC ออกมาลดคาดการณ์อุปสงส์น้ำมันดิบของโลกในปีหน้าลงอีก 70,000 บาร์เรล/วัน เป็น 1.29 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับเป็นการลดคาดการณ์เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน หากวัดความเสี่ยง ณ ปัจจุบัน คาดว่าจะกระทบต่อผลประกอบการของ PTTEP จากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ลดลง และ กลุ่มโรงกลั่น (TOP, ESSO, SPRC, BCP, PTTGC และ IRPC) เสี่ยงขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบ
  • (+) กลุ่มท่องเที่ยว – ครม.อนุมัติมาตการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติมอีก 4 แนวทาง หวังดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง High season เริ่ม 15 พ.ย.18 - 15 ม.ค.19: วานนี้ที่ประชุม ครม.มีมติอุนมัติมาตรกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติมอีก 4 แนวทางประกอบด้วย 1)จัดแคมเปญ Amazing Thailand Grand Sales หรือลดราคาสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวที่ถือพาสปอร์ตต่างประเทศ, 2) Double Entries Visa หรือ ขอวีซ่าครั้งเดียวแต่เดินทางเข้าออกไทยได้ 2 ครั้ง, 3) Re-Entry Permit ขอวีซ่าครั้งเดียวผ่านเข้าออกไทยและประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่ต้องขอซ้ำหากกลับเข้ามาไทยอีก และ 4) อนุมัติยกเว้นการตรวจลงตราของนักท่องเที่ยวต่างชาติตามด่านพรมแดน (ทางบก) จากเดิมไม่เกิน 2 ครั้งต่อปีปฏิทิน เป็นไม่จำกัดจำนวนครั้ง
  • (+/-) 1.5% : คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยมีกำหนดประชุมเพื่อพิจารณาแนวนโยบายการเงินและทิศทางอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 14 พ.ย. เบื้องต้นคาดแบงก์ชาติจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ตามเดิม จากเหตุผลของอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ (อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ต.ค.อยู่ที่ระดับ 1.23%) และ ภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังถูกกดดันจากการส่งออกและท่องเที่ยวที่ชะลอตัวส่งผลให้ GDP ใน 2H18 อาจจะเติบโตลดลงเมื่อเทียบกับ 1H18