Money Wizard - October 4, 2018
(04/10/2018 - 08:50)

ตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ : SET Index วานนี้ปรับตัวลง -6.13 จุด (-0.35%) ปิดที่ 1,741 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 58,139 ล้านบาท จากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน รวมถึงความกังวลรัฐบาลอิตาลีจะปรับเพิ่มเป้าหมายการขาดดุลปี 2562 เป็น 2.4%ของ GDP ซึ่งจะทำให้หนี้สินเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เป็นแรงขายในกลุ่ม Energ, Cons และ Tourism กดให้ดัชนีปรับตัวลง ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,017 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 1,358 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,738 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาดการณ์ SET Index อ่อนตัวทดสอบแนวรับ 1,730 – 1,735 จุดก่อนจะสลับรีบาวด์ เนื่องจากตลาดจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นทำ High ในรอบกว่า 4 ปีเหนือ 76 US/Barrel จากความกังวลอุปทานน้ำมันตึงตัวจากสหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน อย่างไรก็ตามแรงกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ไหลออกจากความกังวล FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยล่าสุด bond yield US10 ปี ดีดตัวขึ้นทำ New high ที่ 3.18% รวมถึงเงินบาทที่อ่อนค่าลงเร็วล่าสุด 32.6 Baht/USD นอกจากนี้ปัจจัยภายในความกังวลธปท.เตรียมแถลงมาตรการกำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อภาคอสังหาฯในช่วงบ่ายวันนี้ รวมถึงแรงขายระยะสั้นเพื่อเตรียมระดมทุน IPO 3 รายใหญ่ในช่วงเดือนนี้ ได้แก่ OSP, TFFIF และ PR9 จะเป็นแรงกดดันต่อทิศทางดัชนีในช่วงนี้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTGC, TOP, PTTEP) ราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับสูง
  • Domestic play รับผลบวกจากการเลือกตั้ง รับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA) รวมถึงข่าวบอร์ด EEC พิจารณาลงทุน 4 โครงการใหญ่ 3.75 แสนลบ.ในวันพรุ่งนี้ 4 ต.ค.
  • กลุ่มเดินเรือ (PSL, TTA) ค่าระวางเรือดีดตัวขึ้น +14 % WoW ล่าสุด 1,574 จุด
  • กลุ่ม defensive stock เช่น กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH, CHG) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, CKP, EA)

หุ้นแนะนำวันนี้ : PTTGC (82 ซื้อ/เป้า 100), ได้ Sentiment บวกจากข่าวโรงงานปิโตรฯในซาอุฯเกิดไฟไหม้หนุนราคา PP ในตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่ PTTGC ได้เปรียบคู่แข่งในยามที่น้ำมันดิบพุ่งแรงเนื่องจากใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบ ราคาจะปรับขึ้นช้ากว่าน้ำมัน 6 เดือน, KCE (ปิด 43 ซื้อ/เป้า 46) ได้ sentiment บวกจากค่าเงินที่เริ่มมีสัญญาณอ่อนค่า ขณะที่ราคาทองแดงซึ่งเป็นต้นทุนหลักเริ่มทรงตัว ส่งผลดีต่อทิศทางผลประกอบการใน 2H18, GFPT (15 ซื้อ/เป้า 16.6) คาดกำไรสุทธิ 3Q18 เพิ่มขึ้นโดดเด่น โดยมีราคาไก่ที่ฟื้นตัวเป็นปัจจัยหนุนหลัก และได้ผลบวกจาก high season ส่งผลให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้น,

Top picks ปีนี้ : ANAN, BBL, CPALL, MTC, ROBINS และ SPALI

KSS report วันนี้ : CENTEL (ปิด 39.75 ถือ/เป้า 45), GPFT (ปิด 15 ซื้อ/เป้า 16.6)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :       

  • (+) ดาวโจนส์พุ่งทำ New high ต่อเนื่อง ตอบรับตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ อาทิ การจ้างงานภาคเอกชน และ ดัชนีภาคบริการ ของ ISM : โดยการจ้างงานของภาคเอกชนในสหรัฐเพิ่มขึ้น 230,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 185,000 ตำแหน่ง ด้านดัชนีภาคบริการสหรัฐของ ISM ในเดือน ก.ย.พุ่งขึ้นสู่ระดับ 61.6 สูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการสร้างดัชนีมา และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 58.0 อย่างไรก็ตามดัชนีไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักเนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่จะมีการประกาศออกมาในวันนี้
  • (+) น้ำมันดิบพุ่งไม่หยุด แต่เริ่มเสี่ยงจากการขายทำกำไรหลังตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งสูงเกินคาดสะท้อนดีมานด์ยังไม่แข็งแกร่ง : วานนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้นอีก 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 4 ปี ปัจจัยบวกยังเป็นเรื่องเดิม นักลงทุนยังกังวลภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดจะลดลงเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ของสหรัฐจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 4 พ.ย.ปีนี้ อย่างไรก็ตามเรามองว่าราคาน้ำมันเริ่มปรับขึ้นสะท้อนปัจจัยนี้ไปบ้างแล้วประกอบกับล่าสุดรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐกลับพุ่งสูงเกินคาด (เพิ่มขึ้น 8 จากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.67 ล้านบาร์เรล) สะท้อนดีมานด์น้ำมันยังไม่แข็งแกร่งอาจจะจูงใจให้นักลงทุนเทขายทำกำไรได้ในระยะสั้น
  • (+) กลุ่มนิคมฯ, รับเหมาฯ - วันนี้บอร์ด EEC ประชุมพิจารณาลงทุน 4 โครงการเร่งด่วน มูลค่ารวมกว่า 3.75 แสนล้านบาท : ประชุมบอร์ด EEC วันนี้จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาการลงทุนในโครงการเร่งด่วนทั้งหมด 4 โครงการ ประกอบด้วยโครงการ มาบตาพุดเฟส 3, แหลมฉบังเฟส 3, และสนามบินอู่ตะเภาและศูนย์ซ่อม มูลค่ารวมกว่า 3.75 แสนล้านบาท เบื้องต้นน่าจะได้ข้อสรุปและประกาศเงื่อนไขการประมูล (TOR) ได้ในช่วงเดือน ต.ค. เป็นบวกต่อกลุ่มนิคมฯ Top pick AMATA และ รับเหมาก่อสร้าง Top pick STEC, SEAFCO
  • (+/-) กลุ่มอสังหาฯ - วันนี้ ธปท.ชี้แจงแนวทางในการควบคุมสินเชื่อภาคอสังหาฯ คาดยังไม่มีข้อสรุปอย่างเป็นทางการ โดยจะรอผลประชาพิจารณ์อีกครั้งในวันที่ 11 ต.ค. : วันนี้ ธปท.จะจัดแถลงถึงแนวทางในการควบคุมสินเชื่อภาคอสังหาฯ เบื้องต้นน่าจะเป็นการชี้แจงถึงแนวทางที่จะใช้ในการควบคลุมประมาณ 3 แนวทาง คือ  1)คุมการปล่อยสินเชื่อส่วนเพิ่ม(Top up), 2) คุมยอดปล่อยสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ที่สูงเกิน 90% และ 3)ลดอัตราหนี้สินต่อรายได้ (ยอดสินเชื่อควรสอดคล้องกับรายได้) ทั้งนี้เชื่อว่าวันนี้จะยังไม่มีข้อสรุปใดๆ โดย ธปท.จะจัดฟังความคิดเห็นหรือประชาพิจารณ์อีกครั้งในวันที่ 11 ต.ค. 2018