Money Wizard - September 27, 2018
(27/09/2018 - 08:40)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้ยังคงแกว่งตัวแคบปิดบวกเล็กน้อย +1.94 จุด (+0.11%) ปิดที่ 1,749 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48,750 ล้านบาท เนื่องจาก Fund flow ที่ชะลอตัวเพื่อรอผลการประชุม FOMC รวมถึงถ้อยแถลงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลให้ภาวะตลาดส่วนใหญ่เป็นการเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ทั้งนี้นักลงทุนสถาบันเป็นฝั่งขายสุทธิ 630 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 82 ล้านบาท และ Net Short TFEX 11,257 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,589 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาดการณ์ SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,740 – 1,760 จุด เนื่องจากมีปัจจัยบวก/ลบคละเคล้า โดยแม้ว่าจะถูก sentiment เชิงลบจาก FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 2.25% ตามภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทั้งในส่วนของตลาดแรงงาน การใช้จ่ายภาคครัวเรือน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับ 2% พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งจะกดดันให้กระแส Fund Flow ยังคงชะลอตัวต่อไป อย่างไรก็ตามภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวระดับสูงราว 72 US/Barrel ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน ประกอบกับแรงซื้อดักการทำ Window dressing 3Q18 ในช่วงสัปดาห์นี้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่มเดินเรือ (PSL, TTA) ค่าระวางเรือดีดตัวขึ้น +10% WoW ล่าสุด 1,503 จุด
  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTGC, TOP, PTTEP) ราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับสูง
  • Domestic play รับผลบวกจากการเลือกตั้ง รับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA) กลุ่มค้าปลีกที่มีฐานลูกค้าต่างจังหวัด (ROBINS, CPALL, DCC, TK)
  • กลุ่ม defensive stock เช่น กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH, CHG) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, CKP, EA)

หุ้นแนะนำวันนี้ : VIBHA (ปิด 2.54 ซื้อ/เป้า 3.2) ราคานี้ยังไม่แพงเพราะยังต่ำกว่าหรือเท่ากับต้นทุนของครอบครัวผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ทยอยเข้าซื้อจำนวน 29.5 ล้านหุ้นที่ราคาเฉลี่ย 2.57 บาท/หุ้น และ VIBHA-W2 อีก 40.4 ล้านหน่วยที่ราคาเฉลี่ย 1.68 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 144 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2016 ด้านผลกำไรคาดโต 15% CAGR ในช่วงปี FY17-20F, MTC (ปิด 44 ซื้อ/เป้า 50) ผลกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง ประสิทธิภาพการดำเนินงานต่อสาขายังเหนือกว่าคู่แข่ง แผนการขยายสาขาเพิ่มปีละ 600 สาขายังเดินหน้าตามเป้าคาดหนุนกำไรสุทธิในอีก 2 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ย 30-40% ต่อปี, ROBINS (ปิด 69.75 ซื้อ/เป้า 76) เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่คาดว่าจะได้ผลบวกจากเม็ดเงินหมุนเวียนและสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนเลือกตั้งเนื่องจาก ROBINS มีสัดส่วนรายได้จากฐานลูกค้าในต่างจังหวัดคิดเป็น 40% ของรายได้รวมขณะที่ Valuation ถูกสุดของกลุ่ม (PE 23 เท่าเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 26-28 เท่า),

Top picks ปีนี้ : ADVANC, ANAN, BEM, BDMS, CHG, CPALL, IVL, MINT, MTC และ QH

KSS report วันนี้ : BTS (ปิด 9.35 ซื้อ/เป้า 10.5), Electronics sector (top pick; SVI)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :       

  • (+/-) ตามคาดเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25% และส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้และ 3 ครั้งในปีหน้า : ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.5% เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งโดยเฉพาะตลาดแรงงานที่อัตราการว่างงานลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นใกล้ระดับเป้าหมายที่ 2% โดยเฟดยังส่งสัญญาณจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน ธ.ค. และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้า พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปีนี้และปีหน้าขึ้นเป็น 3.1% และ 2.5% จากเดิม 2.8% และ 2.4% ตามลำดับ
  • (+) กลุ่ม Auto - สหรัฐประกาศจะยังไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นตราบใดที่ทั้งสองประเทศยังอยู่ในกระบวนการเจรจา : เดิมตลาดวิตกกังวลว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศถัดไปที่จะถูกสหรัฐออกมาตรการตอบโต้ทางการค้า เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นหนึ่งประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่านักลงทุนจะคลายกังวลต่อประเด็นนี้มากขึ้นหลังจากที่วานนี้รัฐบาลญี่ปุ่นและสหรัฐออกแถลงการณ์ร่วมกันภายหลังการประชุมทวิภาคีระหว่างนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐว่าสหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่การเจรจาของทั้งสองฝ่ายกำลังดำเนินอยู่
  • (+/-) น้ำมันดิบร่วงผิดหวังตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด อย่างไรก็ตามเช้านี้ราคาน้ำมันฟิวเจอร์ยังปรับขึ้น จึงเป็นลบต่อกลุ่มธุรกิจน้ำมันไม่มาก: ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 71 เซนต์ (-1%) ปิดที่ 71.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากตลาดผิดหวังตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐกลับมาเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามเราคาดว่าประเด็นนี้จะไม่ส่งผลลบต่อ sentiment การลงทุนของกลุ่มธุรกิจน้ำมันมากนัก เนื่องจากเช้าวันนี้ราคาน้ำมันฟิวเจอร์ยังเพิ่มขึ้นเนื่องจากตลาดยังมองผลบวกจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ของสหรัฐที่จะเริ่มมีผลในวันที่ 4 พ.ย. ปีนี้