Money Wizard - July 13 2018
(13/07/2018 - 08:45)

Money Wizard

 

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index เพิ่มขึ้น 4.3 จุด (+0.26%) ปิดที่ 1,641 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 46,976 ล้านบาท นักลงทุนชะลอการลงทุน เนื่องจากยังไม่มั่นใจต่อปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐ จึงเข้าเก็งกำไรในหุ้น Mid small cap ที่ราคาร่วงแรงในช่วงก่อนหน้า ส่วนหุ้น Big cap พลังงาน, ค้าปลีก และ ธนาคารยังถูกกดดัน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 อีก 558 ล้านบาท ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,425 ล้านบาท แต่ยัง Net long TFEX 2,142 สัญญา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : เรามีมุมมองเป็นกลางถึงบวก ตอบรับจีนส่งสัญญาณเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ บ่งชี้ว่าปัญหาสงครามการค้ารอบใหม่อาจจะไม่รุนแรงอย่างที่กังวล ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวหลังจากแบงก์ชาติเข้ามาช่วยแทรกแทรงเพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วเกินไป อีกทั้งยั้งมีประเด็นบวกจากปัจจัยการเมืองในประเทศหลังจากที่ สนช. มีมติรับรอง กกต.ชุดใหม่ทั้งหมด 5 คน จาก 7 คน ส่งผลบวกต่อการจัดการเลือกตั้งในปีหน้า และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนถึงโรดแม็พการเลือกตั้งที่ยังเดินหน้าต่อตามแผน เบื้องต้นเราประเมินกรอบแนวต้านในวันนี้ไว้ที่ระดับ 1,650 และ 1,660 จุด อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการปรับขึ้นจะเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากเชื่อว่านักลงทุนส่วนหนึ่งจะเทขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร (BBL, TMB และ KKP) ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในครึ่งปีหลัง
  • หุ้นที่ได้ Sentiment บวกจากกระแสการเลือกตั้งที่เริ่มชัดเจน (STEC, CK, AMATA และ WHA)
  • BANPU, LANNA ราคาถ่านหินปรับขึ้นทำ New High ในรอบ 6 ปีครึ่งที่ระดับ 117.9 US/Ton
  • กลุ่มปันผลครึ่งปีเด่น ADVANC, INTUCH, KKP, QH, LH และ SPALI

หุ้นแนะนำวันนี้ : EPG (ปิด 7.8 ซื้อ/เป้า 9) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และเป็นหุ้นที่ได้ผลบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลง และค่าเงินบาทอ่อนค่า, KKP (ปิด 70.75 ซื้อ/เป้า 85) คาดผลกำไร 2Q18 เด่นสุดของกลุ่มธนาคาร เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ 2Q18 ประมาณ 1,437 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 21%yoy นอกจากนี้ KKP ยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูงสุดของกลุ่ม (ประมาณ 7-7.5%), ANAN (ปิด 5.05 ซื้อ/เป้า 6.7) ได้ Sentiment บวกจากแนวโน้มยอดขายและรายได้ใน 2Q18 น่าจะออกมาดีกว่าที่บริษัทและตลาดเคยคาดไว้ หลังจากโครงการ IDEO Rama 9 – Asoke มีการตอบรับดีเกินคาดจากผู้ซื้อ ขณะที่โครงการ Aston Asoke เริ่มโอนได้เร็วกว่าแผน (จากโอน 4Q18 เป็น 2Q18)

Top picks ปีนี้ : ADVANC, ANAN, BEM, BDMS, CHG, CPALL, IVL, MINT, MTC และ QH

KSS report วันนี้ : MINT (ปิด 34.25 ซื้อ/เป้าใหม่ 43 จาก 47), TISCO (ปิด 84 ถือ/เป้าใหม่ 90 จาก 98)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :                                           

  • (+) พักประเด็นสงครามการค้า เดินหน้าเก็งกำไรผลประกอบการหนุนดัชนีดาวโจนส์บวกแรงอีก 224 จุด : ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 224.44 จุด ปิดที่ 24,925 จุด นักลงทุนคลายกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าหลังจีนไม่ได้ออกมาตรการตอบโต้ทางภาษีต่อสหรัฐ และส่งสัญญาณเจรจาการค้าผ่านการเจรจาทวิภาคีรอบใหม่ ขณะที่นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไรดักงบไตรมาส 2/18 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศผลการดำเนินงานออกมามากขึ้น ซึ่งนักลงทุนคาดหวังว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะออกมาอย่างแข็งแกร่งจากผลบวกของเศรษฐกิจสหรัฐที่กลับมาฟื้นตัวและได้ผลบวกจากมาตรการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของโดนัล ทรัมป์ 
  • (+/-) ราคาน้ำมันดิบ Brent มี Technical rebound แต่ WTI ยังไม่ฟื้น กังวลซัพพลายในตลาดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น : ราคาน้ำมันดิบ BRENT เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 74.45 ดอลลาร์/บาร์เรล มองเป็นผลในเชิงบวกของ Technical rebound หลังจากที่ราคาร่วงแรงกว่า 6% ในวันก่อนหน้า ส่วนน้ำมันดิบ WTI ยังไม่ฟื้นโดยวานนี้ลดลงเล็กน้อยอีก 5 เซนต์ หรือประมาณ 0.09% ปิดที่ 70.33 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกกังวลกับปัญหาซัพพลายน้ำมันดิบในตลาด โดยมีแนวโน้มที่ซัพพลายน้ำมันดิบจะทยอยเพิ่มสูงขึ้นหลังจากมีปัญหาการผลิตที่หยุดชะงักในหลายประเทศ (ลิเบีย เวเนซุเอลา และแคนนาดา) ได้รับการแก้ไขและเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ โดยล่าสุด บรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียเปิดเผยว่ามีการเปิดสถานีส่งออกน้ำมันแล้วทั้งหมด 4 แห่ง ซึ่งจะทำให้มีการส่งออกน้ำมันสู่ตลาดประมาณ 850,000 บาร์เรล/วัน
  • (+) สนช.ลงมติคัดเลือก กกต.ชุดใหม่ได้เพียง 5 คน จากทั้งหมด 7 คน แต่เพียงพอสำหรับจัดประชุมเพื่อเลือกประธานและเริ่มปฏิบัตหน้าที่ในนาม กกต.ชุดใหม่ได้ : วานนี้ที่ประชุม สนช.ได้ลงคะแนนลับในการเลือกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผลการลงคะแนนมีผู้ที่ได้รับเสนอชื่อได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งจากสนช.เพื่อดำรงตำแหน่งเป็น กกต.ชุดใหม่เพียง 5 คน จากทั้งหมด 7 คน อย่างไรก็ตามในทางกฏหมายถือว่าเพียงพอสำหรับจัดประชุมเพื่อเลือกตำแหน่งประธาน กกต. และนำรายชื่อ กกต.ใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีในวันถัดจากวันที่ลงพระปรมาภิไธย ประเด็นนี้ช่วยคลายกังวลต่อการจัดหา กกต.ชุดใหม่ หลังจากเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา สนช.ลงคะแนนไม่รับรองรายชื่อ กกต.ที่ได้รับการเสนอชี่อในครั้งนั้น ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าการเลือก กกต.ชุดใหม่ที่ล่าช้าจะส่งผลกระทบต่อโรดแม็พการเลือกตั้งให้ล่าช้าออกไปอีก