Money Wizard - July 5 2018
(05/07/2018 - 08:45)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้แกว่งตัวแคบ +2.58 จุด (+0.16%) ปิดที่ 1,629 จุด มูลค่าซื้อขาย 58,233 ล้านบาท โดยแม้จะมีแรงซื้อในกลุ่ม BANK และ FIN จากการดัก Preview งบ 2Q18 ที่กำลังจะประกาศในช่วงกลางเดือนนี้ แต่กังวล Trade war รวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่ไหลออกยังกดดันให้ดัชนีปิดบวกเล็กน้อย ทั้งนี้ Foreign ขายสุทธิ 2,336 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 3,785 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 7,331 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มีมุมมองเป็นกลาง คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,620 - 1,640 จุด เนื่องจากภาวะตลาดขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน โดยแม้ว่าจะได้แรงหนุนจากการ Preview งบ 2Q18 ที่เริ่มประกาศในช่วงกลางเดือนก.ค. นำโดยกลุ่มธนาคาร ประกอบกับราคาน้ำมันที่ทรงตัวระดับสูงเหนือ 74 US/Barrel ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามความกังวล Trade war ระหว่างสหรัฐกับจีนยังคงเป็นแรงกดดันต่อทิศทางการลงทุนทั่วโลกโดยวันพรุ่งนี้ 6 ก.ค. สหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนล็อตแรก 818 รายการ มูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ในขณะที่จีนจะเก็บภาษี 25% ต่อสินค้าสหรัฐ 545 รายการมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์เช่นกัน (ส่วนสินค้าล็อตที่สองที่จะเก็บภาษีกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา) นอกจากนี้ Fund Flow ต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่อง ( Net sell 1.8 แสนลบ. YTD.) รวมถึงแนวโน้มเงินบาทที่อ่อนค่าจะกดดันให้ดัชนีผันผวนต่อไป

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ (BBL KBANK SCB KTB) ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในครึ่งปีหลัง
  • BANPU ราคาถ่านหินกำลังขึ้นทดสอบ High ในรอบ 6 ปีครึ่งล่าสุด 116.5 US/Ton
  • กลุ่มพลังงาน ( PTTEP, PTT ) ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่งเหนือ 74 US/Barrel
  • KCE DELTA HANA CPF GFPT EPG อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าล่าสุด 33.1 Bath/USD
  • PSL TTA อานิสงส์ค่าระวางเรือทำ High ในรอบ 7 เดือนล่าสุด 1,567 จุด
  • กลุ่มปันผลครึ่งปีเด่น ADVANC, INTUCH, KKP, QH, LH และ SPALI

หุ้นแนะนำวันนี้ : IVL (ปิด 56.75 ซื้อ/เป้า 75) คาดกำไรสุทธิ 1Q18 เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 7.5 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 29%qoq และ 155%yoy จากปริมาณขายและสเปรดมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น, BDMS (ปิด 26 ซื้อ/เป้า 27.5) ผ่านพ้นช่วงลงทุนมาแล้ว และกำลังจะเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลกำไร ขณะที่ธุรกิจเริ่มเข้าสู่ช่วง High season, KKP (ปิด 69.75 ซื้อ/เป้า 85) ผลกำไรยังโดดเด่น คาด 2Q18 มีกำไรสุทธิประมาณ 1,437 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 21%yoy และยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูงสุดของกลุ่มธนาคาร (ประมาณ 7-7.5%)

Top picks ปีนี้ : ADVANC, ANAN, BEM, BDMS, CHG, CPALL, IVL, MINT, MTC และ QH

KSS report วันนี้ : BEAUTY (ปิด 9.1 ลดเกรดเป็นขาย/เป้าใหม่ 8 จาก 21), FTE (ปิด 1.89 ถือ/เป้าใหม่ 2 จาก 3), IVL (ปิด 56.75 ซื้อ/เป้า 75), Banking Sector (Neutral)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :                                           

  • (-) โค้งสุดท้ายก่อนมาตรการเรียกเก็บภาษีระหว่างสหรัฐและจีนจะเริ่มมีผลบังคับใช้ โดยจีนระบุจะไม่เป็นฝ่ายแรกที่จะประกาศขึ้นภาษี : ในวันพรุ่งนี้ 6 ก.ค.มาตรการตอบโต้ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของแต่ละประเทศจะเริ่มมีผลบังคับใช้ โดยสหรัฐสหรัฐจะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนจำนวนมากกว่า 800 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็เตรียมเก็บภาษี 25% ต่อสินค้าสหรัฐในวงเงินเดียวกัน ซึ่งล่าสุดจีนออกมาระบุว่าจีนไม่ได้เป็นฝ่ายแรกที่จะประกาศใช้มาตรการดังกล่าว นั่นหมายความว่าหากสหรัฐไม่ประกาศใช้ จีนก็จะไม่ประกาศใช้เช่นกัน ประเด็นนี้จึงขึ้นอยู่กับสหรัฐว่าจะต้องการเจรจาหรือจะเลือกใช้นโยบายแข็งกร้าวเช่นเดิม (หากมีการเจรจาและชะลอการบังคับใช้จะเป็นบวก แต่หากทั้งสองประเทศเดินหน้าประกาศใช้จะยังเป็นลบกับตลาด)
  • (-) วานนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 18 มีมติ 5 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% และประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องและดีกว่าที่เคยประเมินไว้ และหากเศรษฐกิจยังรักษาระดับการเติบโตได้ดี คาดว่าการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในปัจจุบันก็จะเริ่มลดลง นั่นหมายความว่าแบงก์ชาติได้ส่งสัญญาณถึงโอกาสที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งขึ้นอยู่กับ 1)เศรษฐกิจยังขยายตัวต่อเนื่อง 2) เงินเฟ้อปรับขึ้นสู่กรอบเป้าหมายอย่างชัดเจน และ 3)ผลกระทบจาก Trade war ไม่รุนแรง
  • (+/-) คืนนี้ติดตามรายงานการประชุมของเฟด (Fed minute) และวันศุกร์ตามดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ เพื่อจับสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงครึ่งปีหลัง : เราคาดว่าการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟด (Fed minute) ในคืนนี้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากแถลงการณ์หลังการประชุมในช่วงเดือนที่ผ่านมา คือ เฟดยังส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครึ่งปีหลังอีก 2 ครั้ง ในเดือน ก.ย. และ ธ.ค. ส่วนการประชุมในช่วงวันที่ 31 ก.ค. และ 1 ส.ค. คาดเฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังมีตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐในเดือนมิ.ย. ที่จะประกาศออกมาในวันพรุ่งนี้ หากตัวเลขการจ้างงานยังเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งและอัตราการว่างงานยังลดลงอย่างต่อเนื่องอาจจะกลายเป็นตัวเร่งให้เฟดเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็เป็นได้