Money Wizard - July 2, 2018
(02/07/2018 - 08:50)

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ : SET Index เมื่อวันศุกร์ปรับตัวลง -3.96 จุด (-0.25%) ปิดที่ 1,596 จุด มูลค่าการซื้อขาย 64,520 ล้านบาท จากแรงขายลดความเสี่ยงทางสัญญาณเทคนิคหลังดัชนีปรับตัวลงหลุด 1,600 จุดลงมา ซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นเอเชียที่ดีดตัวขึ้นตอบรับข่าวสหรัฐอาจผ่อนคลายให้จีนเข้าลงทุนกลุ่มเทคโนโลยีได้บ้าง ทั้งนี้ Foreign ซื้อสุทธิ 2,823 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX 16,419 สัญญา และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 526 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มีมุมมองเป็นกลาง คาดดัชนีแกว่งตัว 1,585 – 1,610 จุด โดยภาวะตลาดได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นทำ high ในรอบ 3 ปีครึ่งเหนือ 73 US/Barrel หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลง 4 แท่นสู่ 858 แท่น ประกอบกับ sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ดีดตัวขึ้น รวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่พลิกเป็น Net Buy ราว 2.8 พันลบ. อย่างไรก็ตามภาวะตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าต่างๆ โดยมาตรการตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างสหรัฐ-จีนจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 7 ก.ค. ซึ่งส่งผลให้ดัชนียังมีแนวโน้มผันผวนต่อไป

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน ( PTTEP  PTT ) ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่งเหนือ 73 US/Barrel
  • กลุ่มอิเล็กฯ ( KCE ) และอาหาร ( CPF GFPT ) อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าล่าสุด 33.16 Bath/USD
  • กลุ่มผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว อาทิ CPF, BANPU, TKN, EPG, GCAP และ ANAN

หุ้นแนะนำวันนี้ : BDMS (ปิด 25 ซื้อเก็งกำไร/เป้า consensus 28)  ผ่านพ้นช่วงลงทุนมาแล้ว และกำลังจะเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลกำไร สัดส่วนลูกค้าประกันสุขภาพเร่งตัว จากการจัดแพคเกจเฉพาะกับกลุ่มบริษัทประกันหนุน GPM เพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจเริ่มเข้าสู่ช่วง High season, KCE (ปิด 38 ซื้อ/เป้า 46) ได้อานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อนค่า หนุนรายได้ในรูปค่าเงินบาทเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาทองแดงซึ่งเป็นต้นทุนหลักปรับตัวลงต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิในครึ่งปีหลัง, QH (ปิด 3.08 ซื้อ/เป้า 4.2) มี Upside ที่ตลาดจะปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรสุทธิในปีนี้ขึ้นหลัง GPM ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูงให้ Dividend yield ประมาณ 6-8% ต่อปี

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : ADVANC, ANAN, BEM, BDMS, CHG, CPALL, IVL, MINT, MTC และ QH

KSS report วันนี้ : BPP (ปิด 23.1 ซื้อ/เป้า 31), HANA (ปิด 33 ถือ/เป้า 39), TCAP (ปิด 46.75 ซื้อ/เป้า 60)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :                                           

  • (+/-) เดือน มิ.ย. Set Index ลดลง 7.6% พอร์ตการลงทุนของเราดีกว่าตลาดแต่ยังติดลบ 1.6% แนวโน้มเดือน ก.ค. คาด SET มีโอกาสฟื้นตัว กลยุทธ์ เน้นกลุ่มที่ผลการดำเนินงานดีและผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วตามเดิม Top pick BDMS, CPF, IVL, KCE และ QH : เดือน มิ.ย. หุ้นในพอร์ตการลงทุนทั้งหมด 5 หลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนติดลบ 1.6% แต่ดีกว่าตลาดซึ่งให้ผลตอบแทนติดลบ 7.6% หุ้น ANAN ให้ผลตอบแทนมากสุด 9.6% ส่วน BANPU, IVL, CPF และ EPG ให้ผลตอบแทนติดลบ -7.1%, -6%, -3.2% และ -1.4% ตามลำดับ  ส่วนมุมมองเดือน ก.ค. คาด SET Index มีโอกาสฟื้นตัวจากที่ร่วงแรงในเดือน มิ.ย. และในเชิงพื้นฐานดัชนีลดลงจน Valuation ของ SET Index อยู่ในระดับที่น่าสนใจ (Forward PE 14.7 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 15.1 เท่า Dividend yield เพิ่มขึ้นเป็น 3.65% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 3% และ Earning yield Gap เพิ่มเป็น 3.65% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 2.72%) เบื้องต้นคาดกรอบดัชนีเดือน ก.ค.อยู่ที่ระดับ 1,550 -1,680  กลยุทธ์เดือนนี้ยังเน้นหุ้นที่ผลประกอบการดีและผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้ว หุ้นที่มี factor บวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มที่ได้ผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่าและกลุ่มโรงพยาบาลที่เริ่มเข้าสู่ช่วง High season โดยมี Top pick คือ  BDMS, CPF, IVL, KCE และ QH
  • (-) Trade war ยังเป็นปัจจัยลบหลัก สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนมาตรการตอบโต้ทางภาษีของจีนและสหรัฐจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 6 ก.ค. : เราคาดว่าปัญหาสงครามการค้าจะยังเป็นปัจจัยลบหลักที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกต่อไปอีกในเดือน ก.ค. เนื่องจากมาตรการตอบโต้ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.เป็นต้นไป ขณะที่นานาประเทศต่างเริ่มทยอยออกมาตรการตอบสหรัฐด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดแคนนาดาประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐคิดเป็นมูลค่า 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ก.ค.
  • (-) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน : คาดราคาน้ำมันผันผวนจากแรงขายทำกำไร และ มีข่าวทรัมป์ เจรจากับซาอุฯ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน : ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นแรงกว่า 5.61$/bbl หรือ 8% ปิดที่ระดับ 74.15 $/bbl ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ส่วนแนวโน้มสัปดาห์นี้คาดราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวผันผวน และมีโอกาสปรับตัวลง จาก 1)คาดนักลงทุนเทขายทำกำไรจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแรงในสัปดาห์ก่อน และ 2)กังวลซัพพลายน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น หลังมีกระแสข่าวว่า โดนัล ทรัมป์ เจรจากับซาอุฯ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ชดเชยกำลังการผลิตที่หายไปของอิหร่านซึ่งจะถูกสหรัฐคว่ำบาตรรอบใหม่ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.เป็นต้นไป