Money Wizard - June 29 2018
(29/06/2018 - 08:40)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้ปรับตัวลง -19.12 จุด (-1.18%) ปิดที่ 1,599 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,975 ล้านบาท เนื่องจากความกังวล Trade war ระหว่างสหรัฐกับประเทศต่างๆที่กดดันภาวะการลงทุนทั่วโลก ประกอบกับความผันผวนจากการปิด position เพื่อเปลี่ยน Series ของตลาด TFEX ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลงแรง  ทั้งนี้ Foreign ขายสุทธิ 2,123 ล้านบาท , Net Short TFEX 4,458 สัญญา และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,391 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มีมุมมองเป็นลบ คาดดัชนีอ่อนตัวทดสอบ 1,590 – 1,595 จุดก่อนจะสลับรีบาวด์ โดยแม้ภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งทำ high ในรอบ 3ปีครึ่งเหนือ 73 US/Barrel หลังตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาด รวมถึงความกังวลด้าน Supply น้ำมัน หลังคาดว่าสหรัฐจะพิจารณาคว่ำบาตรอิหร่าน อย่างไรก็ตามความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าต่างๆโดยเฉพาะจีนและสภาพยุโรปยังมีความรุนแรงต่อเนื่องซึ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อทิศทางการลงทุนทั่วโลก นอกจากนี้ความกังวลค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องจะส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติมีแนวโน้มไหลออกต่อไป

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน ( PTTEP  PTT ) ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่งเหนือ 73 US/Barrel
  • กลุ่มอิเล็กฯ ( KCE ) และอาหาร ( CPF GFPT ) อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าล่าสุด 33.16 Bath/USD
  • กลุ่มผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว อาทิ CPF, BANPU, TKN, EPG, GCAP และ ANAN

หุ้นแนะนำวันนี้ : QH (ปิด 3.12 ซื้อ/เป้า 4.2) มี Upside ที่ตลาดจะปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรสุทธิในปีนี้ขึ้นหลัง GPM ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูงให้ Dividend yield ประมาณ 6-8% ต่อปี, BEM (ปิด 7.6 ซื้อ/เป้า 8.6) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/18 พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 1 พันล้านบาท จากแรงหนุนของจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และบันทึกกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนจากโครงการลงทุนในเขื่อนไซยบุรี, KCE (ปิด 37.5 ซื้อ/เป้า 46) ได้อานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อนค่า หนุนรายได้ในรูปค่าเงินบาทเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาทองแดงซึ่งเป็นต้นทุนหลักปรับตัวลงต่อเนื่องส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิในครึ่งปีหลัง

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : ADVANC, ANAN, BEM, BDMS, CHG, CPALL, IVL, MINT, MTC และ QH

KSS report วันนี้ : ADVANC (ปิด 185.5 ซื้อ/เป้า 230), BA (ปิด 12.5 ถือ/เป้าใหม่ 13 จาก 16.2), PTTGC (ปิด 76.25 ซื้อ/เป้าใหม่ 100 จาก 115)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :                   

  • (+) ราคาน้ำมันดิบ WTI บวกต่อ แต่ปัจจัยบวกยังเป็นเรื่องเดิม คือ สต๊อกน้ำมันดิบลดลง และสหรัฐสั่งคว่ำบาตรอิหร่าน : วานนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือเกือบ 1% ปิดที่ 73.45 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 3 ปี แต่ปัจจัยหนุนยังเป็นเรื่องเดิม คือ ความต้องการน้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนผ่านสต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลง 9.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล และ กังวลซัพพลายน้ำมันดิบตึงตัวหลังสหรัฐสั่งห้ามบริษัทน้ำมันในสหรัฐนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.18 เป็นต้นไป เรายังคงมุมมองเดิมกับเมื่อวานคาดระยะสั้นราคาน้ำมันดิบอาจปรับลงจากแรงขายทำกำไรหลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงในช่วง 4 วันที่ผ่านมา
  • (+) ดาวโจนส์ปิดบวก แม้สหรัฐจะรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 1/18 ออกมาลดลงเมื่อเทียบกับครั้งก่อน : วานนี้สหรัฐประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 1/18 (ครั้งสุดท้าย) ขยายตัว 2% แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการณ์ครั้งที่ 1 และ 2 ท่า 2.3% และ 2.2% และยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 2.2% อย่างไรก็ตามดัชนีดาวโจนส์ไม่ได้ปรับลง เนื่องจากนักวิเคราะมีการคาดการณ์ว่า GDP จะกลับมาขยายตัว 3% ในไตรมาส 2/18 จากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนฟื้นตัว และได้รับอานิสงส์จากมาตรการปรับลดภาษีวงเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
  • (+/-) สัปดาห์หน้า ลุ้น จีนและสหรัฐ เปิดเจรจาการค้าก่อนที่มาตรการตอบโต้ทางภาษีของแต่ละประเทศจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 7 ก.ค. : เราคาดหวังสหรัฐและจีนจะจัดประชุมเพื่อเจราจาการค้าก่อนที่มาตรการตอบโต้ทางภาษีของทั้ง 2 ประเทศจะเริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะเป็นบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในสัปดาห์หน้า แต่ในทางตรงกันข้ามหากสหรัฐและจีนไม่เร่งเจรจา และต่างออกมาตรการตอบโต้กันเพิ่มขึ้นจะยิ่งกดดัน Sentiment ของตลาด (สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% จากสินค้าจีนทั้งหมด 1,100 รายการ มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ ในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เริ่มมีผลบังคับใช้ 7 ก.ค.)