ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้ปรับตัวลง -5.32 จุด (-0.33%) ปิดที่ 1,618 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,323 ล้านบาท โดยแม้จะมีแรงซื้อกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นช่วยหนุนตลาด แต่ความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศใหญ่ทั้งจีนและยุโรปยังคงกดดันต่อทิศทางการลงทุนทั้งไทยและโลก ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลง ทั้งนี้ Foreign ขายสุทธิ 1,684 ล้านบาท และ Net Short TFEX 2,316 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,914 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มีมุมมองเป็นกลาง คาดดัชนีแกว่งตัว 1,608 – 1,630 จุด แม้ว่าภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ขึ้นยืนเหนือ 72 US/Barrel หลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงถึง 9.9 ล้านบาร์เรล (มากกว่าคาด) รวมถึงสหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆและบริษัทน้ำมันให้ยุติการซื้อน้ำมันจากอิหร่านภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั่นจะถูกสหรัฐคว่ำบาตร นอกจากนี้การทำ Window dressing ปิดงบ 2Q18 คาดว่าจะเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตามความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศต่างๆยังทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยรัฐบาลสหรัฐยังคงเดินหน้าใช้มาตรการคุมเข้มทางการค้ากับจีนจะตัวกดดันให้ภาวะตลาดผันผวนต่อไป
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
- กลุ่มพลังงาน ( PTTEP PTT ) ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 เดือนเหนือ 72 US/Barrel
- กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ( KCE ) และอาหาร ( CPF GFPT ) อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าล่าสุด 33 Bath/USD
- กลุ่มผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว อาทิ CPF, BANPU, TKN, EPG, GCAP และ ANAN
- AOT, BH, CPALL, CPN, CBG และ MINT คาดเป็นกลุ่มที่มีโอกาสทำ Window dressing เนื่องจากราคา Underperform ตลาดในช่วงที่ผ่านมา
หุ้นแนะนำวันนี้ : IVL (ปิดที่ 55.25 ซื้อ/เป้า 75) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/18 โตโดดเด่นจากปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น และ PTA spread เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบหลายปี, QH (ปิด 3.24 ซื้อ/เป้า 4.2) มี Upside ที่ตลาดจะปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรสุทธิในปีนี้ขึ้นหลัง GPM ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูงให้ Dividend yield ประมาณ 6-8% ต่อปี, AEONTS (ปิด 172.5 ซื้อ/เป้า 210) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/18 (มี.ค.-พ.ค.) ประมาณ 802 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30%yoy จากยอดปล่อยสินเชื่อที่คาดว่าจะเติบโต 17%yoy,
ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน และ อสังหาริมทรัพย์
Top picks ปีนี้ : ADVANC, ANAN, BEM, BDMS, CHG, CPALL, IVL, MINT, MTC และ QH
KSS report วันนี้ : BEM (ปิด 7.45 ซื้อ/เป้า 8.6), DTAC (ปิด 38.25 ซื้อ/เป้า 58)
ประเด็นสำคัญวันนี้ :
- (+) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน – ยังได้แรงหนุนต่อหลังราคาน้ำมันดิบพุ่งแรงต่อเนื่องอีก 3.2% ตอบรับสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงเกินคาด : ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.23 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 72.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ตอบรับสหรัฐรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลง 9.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล บ่งชี้ถึงดีมานด์น้ำมันดิบที่แข็งแกร่งในสหรัฐ ขณะที่ฝั่งซัพพลายยังได้แรงหนุนจากข่าวสหรัฐสั่งห้ามบริษัทน้ำมันนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. อย่างไรก็ตามด้วยราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแรงในช่วง 2 วันที่ผ่านมาอาจจะทำให้ราคาในตลาดฟิวเจอร์วันนี้เผชิญแรงขายทำกำไร
- (-) ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์เคลื่อนไหวผันผวน โดยช่วงแรกดัชนีปรับตัวขึ้นแรงกว่า 200 จุด ตอบรับข่าวท่าทีที่ผ่อนคลายของโดนัล ทรัมป์ต่อการดำเนินนโยบายการค้ากับจีน โดยเขาจะมอบหมายให้คณะกรรมการการลงทุนของต่างประเทศในสหรัฐ (CFIUS) เป็นผู้ดูแลนโยบายการลงทุนจากจีน แทนการใช้มาตรการจำกัดการลงทุน อย่างไรก็ตามดัชนีกลับมาลดลงและปิดในแดนลบหลังมีรายงานจากที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐไม่ได้ผ่อนคลายท่าทีต่อการดำเนินนโยบายการค้ากับจีน ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 24,117.59 จุด ร่วงลง 165.52 จุด หรือ -0.68
- (+) Window dressing, SETSET เรายังคาดหวังว่าบรรดากองทุนต่างๆจะเร่งทำ NAV เพื่อเปิดขายกองทุนใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยการเข้าทำราคาปิดในช่วงปลายเดือน (Window dressing) และคาดว่ากองทุนที่ลงทุนตาม SET50/SET100 จะเข้าซื้อหุ้นที่เข้าคำนวณรอบใหม่ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ก.ค.
- Window dressing หุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมาย อาทิ AOT, BH, CPALL, CPN, CBG และ MINT
- SET50 : เข้า - BGRIM, DELTA, GLOW, KTC, RATCH และ TOA (เน้น BGRIM)
- SET100 : เข้า - BGRIM, BLA, DELTA, ERW, GLOW, PRM, RATCH, RS, THANI, TOA และ TTW