Money Wizard - June 22 2018
(22/06/2018 - 08:30)

ตลาดหุ้นวานนี้ : วานนี้ SET Index ทรุดตัวลงแรงอีกครั้ง -29.82 จุด (-1.79%) ปิดที่ 1,634 จุด มูลค่าการซื้อขาย 61,649 ล้านบาท จากความกังวลสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นหลัง EU ออกมาตรการตอบโต้โดยเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประกอบกับกระแส Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกต่อเนื่อง โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 3,845 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,668 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 1,978 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มีมุมมองเป็นลบ คาดดัชนีอ่อนตัวทดสอบ 1,620 – 1,625 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศต่างๆที่รุนแรงมากขึ้น โดยล่าสุดอินเดียเป็นอีกประเทศที่ทำการตอบโต้สหรัฐโดยเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐในส่วนของสินค้าเกษตรและเหล็กโดยมีผล 4 ส.ค. ประกอบกับความกังวล Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกต่อเนื่อง โดย MTD เป็น Net sell 4.4 หมื่นล้านบาท และ YTD Net sell 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อดัชนี อย่างไรก็ตามคาดว่าภาวะตลาดน่าจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าที่ดีดตัวขึ้นยืนเหนือ 66 US/Barrel ในช่วงเช้าก่อนที่จะมีการประชุมกลุ่มโอเปกในวันนี้ซึ่งจะช่วยพยุงดัชนีในจังหวะที่อ่อนตัวได้  

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : เน้นตั้งรับ ไม่ไล่ราคา

  • กลุ่มธนาคาร ได้อานิสงส์แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และภาวะเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่อเนื่อง
  • กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ และ อาหาร ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุด 32.8 Bath/USD
  • กลุ่มผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว อาทิ CPF, BANPU, TKN, EPG, GCAP และ ANAN

หุ้นแนะนำวันนี้ : QH (ปิด 3.12 ซื้อ/เป้า 4.2) มี Upside ที่ตลาดจะปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรสุทธิในปีนี้ขึ้นหลัง GPM ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูงให้ Dividend yield ประมาณ 6-8% ต่อปี, EPG (ปิดที่ 7.45 ซื้อ/เป้า 9) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และเป็นหุ้นที่ได้ผลบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลง และค่าเงินบาทอ่อนค่า, HANA (ปิด 33.5 ซื้อ/เป้า 39) ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ระดับ 32.9 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่ามากสุดในรอบ 7 เดือนเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เลือก HANA เนื่องจากราคายังปรับขึ้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ KCE ในเมื่อวานที่ผ่านมา

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน,อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : BANPU, BBL, BCH, IVL, HTC, MINT, MTC, PTTGC, QH, และ SPALI

KSS report วันนี้ : CPN (ปิด 70.25 ซื้อ/เป้า 88), TISCO (ปิด 86.5 ถือ/เป้า 98)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :                                           

  • (-) นานาประเทศทยอยออกมาตรการตอบโต้ทางภาษีกับสหรัฐ ทำให้ปัญหา Trade war ขยายวงกว้างมากขึ้น เป็นลบต่อ World GDP : โดยล่าสุดอินเดียประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าถั่วอัลมอนด์จากสหรัฐในอัตรา 20% และเก็บภาษีนำเข้าวอลนัทจากสหรัฐในอัตราสูงถึง 120% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 ส.ค.นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆในกลุ่มเกษตร และผลิตภัณฑ์เหล็กอีก ขณะที่มาตรการภาษีที่สหภาพยุโรปประกาศใช้เพื่อตอบโต้สหรัฐมูลค่า 3.24 พันล้านดอลลาร์ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้ เรามองว่าการที่ประเทศต่างๆทยอยออกมาตรการทางภาษีตอบโต้สหรัฐจะยิ่งทำให้ผลกระทบจาก Trade war เพิ่มมากขึ้น ล่าสุด ยูบีเอสกรุ๊ปเอจี คาดว่า ตลาดหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นอาจลดลง 30% จากระดับสูงสุดของปีนี้ หากเกิดสงครามการค้าระหว่าง จีนกับสหรัฐฯอย่างเต็มรูปแบบ
  • (+/-) ลุ้นผลประชุม OPEC วันนี้ช่วยประคองราคาน้ำมัน เราคงมุมมองเดิมโดยเชื่อว่ากลุ่ม OPEC จะคงเพดานไว้ตามเดิม : ยังต้องรอผลสรุปจนวินาทีสุดท้ายสำหรับการประชุมของกลุ่ม OPEC เนื่องจากประเทศกลุ่มสมาชิกยังมีความเห็นขัดแย้งว่าจะเพิ่มหรือคงกำลังการผลิตไว้ตามเดิม โดยเราคาด หาก OPEC มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตในระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลขึ้นไปจะเป็นลบต่อราคาน้ำมันและจะทำให้ราคาลงไปเคลื่อนไหวในกรอบ 60-65$/bbl แต่หากคงกำลังการผลิตจะทำให้ราคากลับไปซื้อขายบนกรอบ 65-70$/bbl ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน หรือ อีก 1 กรณีที่อาจจะเกิดขึ้นได้คือ เพิ่มกำลังการผลิตแต่เพิ่มในระดับที่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาร์เรล กรณีอาจจะมีผลบวกต่อ Sentiment ในช่วงสั้นเพราะเป็นการปรับขึ้นต่ำกว่าที่ซาอุฯและรัสเซียส่งสัญญาณไว้ที่ 1.5 ล้านบาร์เรล
  • (+) การเมืองในประเทศเริ่มเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น น่าจะเป็นปัจจัยบวกมาช่วยพยุงดัชนีในระยะถัดไป : เรามีมุมมองเป็นบวกต่อภาพการเมืองในประเทศ หลังจากวานนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกหนังสือโดยหัวหน้า คสช. กำหนดให้เชิญผู้แทนพรรคการเมืองเข้าร่วมพบปะหารือและรับฟังข้อคิดเห็นไปยังพรรคต่างๆ เป็นต้น เพื่อหารือเกี่ยวกับการเตรียมการเลือกตั้งทั่วไป ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการดำเนินการทางการเมืองของพรรคการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง โดยผู้ที่จะเข้าร่วมของแต่ละพรรคให้ส่งตัวแทนไม่เกิน 3 คนเข้าหารือ ขณะที่วานนี้นายกฯได้กล่าวยืนยันกับนางเทเรซา เมย์นายกรัฐมนตรีของอังกฤษว่าไทยจะจัดการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้าอย่างแน่นอน