ทั้งซาอุฯและซีเรีย อย่างไรก็ตามมีแรงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้ดัชนีปิดบวกเล็กน้อย ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,498 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 2,525 สัญญา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,010 ล้านบาท 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,760 – 1,775 จุด เนื่องจากมีแรงกดดันจากความกังวลสหรัฐฯและประเทศพันธมิตรยิงขีปนาวุธถล่มซีเรียในช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการโจมตีนั้นเป็นแบบจำกัดโดยพุ่งเป้าไปที่คลังเก็บอาวุธเคมี และการโจมตีเป็นแบบครั้งเดียวทำให้สถานการณ์ไม่รุกรามบานปลายจึงคาดว่าจะไม่ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐ-รัสเซียที่รุนแรง และน่าจะทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดคลี่คลายลงได้ในช่วงถัดไป นอกจากนี้ภาวะตลาดยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวระดับสูงซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและดัชนี ประกอบกับเข้าสู่ช่วงประกาศงบ Q1/18 นำโดยกลุ่มธนาคารช่วงกลางเดือนเม.ย. จึงคาดว่าจะมีแรงซื้อช่วงพยุงดัชนีในจังหวะที่อ่อนตัวลงได้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

• กลุ่มพลังงานและปิโตรฯ ( PTT IRPC PTTGC IVL ) คาดกำไร Q1/18 ยังคงเติบโตโดดเด่น + ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีล่าสุด 66.6 US/Barrel
• กลุ่ม Domestic Play เช่น กลุ่มโรงพยาบาล (BCH BDMS BH)  กลุ่มขนส่ง ( AOT )
• กลุ่มเครื่องดื่ม ( HTC ) อานิสงส์ราคาน้ำตาลทรงตัวระดับต่ำในรอบ 2 ปีล่าสุด 12 cent/pound
• TVO ราคากากถั่วเหลืองมีแนวโน้มขาขึ้นล่าสุด 378 US/ตัน และคาดกำไรQ1/18 เติบโต QoQ + YoY

หุ้นแนะนำวันนี้ : TISCO (ปิด 91.25 ซื้อ/เป้า 98) คาดเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะประกาศงบ 1Q18 ออกมาโดดเด่นที่สุดของกลุ่มธนาคารเบื้องต้นคาดมีกำไรสุทธิ 1Q18 ประมาณ 1,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%qoq และ 17%yoy นอกจากนี้ TISCO ยังมีปันผลจ่าย อีก 5 บาทต่อหุ้น ให้ Dividend yield 5.5% XD 27 เม.ย.

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน,อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : ANAN, BANPU, BBL, BCH, IVL, HTC, MINT, PTTGC, SPALI and TMB

KSS report วันนี้ : PTTEP (ปิด 118.0 ถือ/เป้า 115.0), HMPRO (ปิด 14.4 ถือ/เป้า 14.0)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :                                          

(+) สถานการณ์ในซีเรียดูผ่อนคลายลง หลังจากที่สหรัฐและชาติพันธมิตรยังไม่มีแผนโจมตีซีเรียรอบใหม่ : สงครามซีเรียเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยาวนานมากว่า 7 ปี (เริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค.ปี 2011) ขณะที่การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จากสหรัฐและชาติพันธมิตรเพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีสังหารกลุ่มกบฏในวันศุกร์ที่ผ่านมานับเป็นการโจมตีเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปี โดยเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 เม.ย.60 ตลาดหุ้นตอบรับในเชิงลบแต่ไม่รุนแรงเนื่องจากการโจมตีเกิดขึ้นเพียงวันเดียวไม่ได้ยืดเยื้อและบานปลาย ซึ่งเราคาดว่าเหตุการณ์โจมตีในครั้งนี้น่าจะจบลงในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากปัจจุบันสหรัฐและชาติพันธมิตรยังไม่มีแผนโจมตีซีเรียรอบใหม่ขณะที่ ชาติที่สนับสนุนซีเรียอาทิ จีนและรัสเซียก็ยังไม่มีมาตรการตอบโต้ 

(+) ไทยรอดพ้นจากประเทศที่ต้องเฝ้าระวังการแทรกแซงค่าเงินจากสหรัฐเป็นบวกต่อกลุ่มส่งออกและภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ : เดิมตลาดวิตกกังวลว่าไทยจะติดอยู่ในรายชื่อประเทศที่ต้องเฝ้าระวังการแทรกแทรงค่าเงินจากสหรัฐ เพราะติดอยู่ในเงื่อนไข 3 ข้อที่สหรัฐประกาศไว้ คือ 1) มีบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมากกว่า3% ของ GDP 2) เข้าซื้อสกุลเงินต่างประเทศมากกว่า 2%ของ GDP และ 3) มีแนวโน้มเกินดุลการค้ากับสหรัฐคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามจากรายงานฉบับล่าสุดของกระทรวงการคลังสหรัฐพบว่าไทยไม่ได้อยู่ในประเทศที่ต้องเฝ้าระวังการแทรกแทรงค่าเงินมีเพียง อินเดีย เท่านั้นที่ถูกเพิ่มเข้าไป ส่งผลให้ปัจจุบันมีประเทศที่ต้องเฝ้าระวังการแทรกแทรงค่าเงินเพิ่มเป็น 6 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมนี อินเดียและสวิตเซอร์แลนด์

(+/-) สัปดาห์นี้ติดตามกลุ่มธนาคารประกาศงบ 1Q18 เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้น 21%qoq แต่หดตัว 7%yoy ยังเลือก BBL และ TISCO เป็น Top pick : สัปดาห์นี้กลุ่มธนาคารมีกำหนดประกาศผลประกอบการ 1Q18 ออกมาทั้งหมด เบื้องต้นคาดทั้งกลุ่มจะมีกำไรสุทธิรวมประมาณ 21%qoq แต่คาดว่าจะหดตัว 7%yoy กำไรสุทธิที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นโดดเด่น qoq มาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงหลังจากที่ผู้ประกอบการเริ่มทยอยลงทุนในระบบไปแล้วในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่วนกำไรที่คาดว่าจะหดตัว yoy เป็นผลจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นของ SCB และ KTB ขณะที่ยอดสินเชื่อรวมยังไม่ขยายตัว โดยเราคาดว่า TISCO จะเป็นแบงก์ที่ผลการดำเนินงานโดดเด่นที่สุด(กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 14%qoq และ 17%yoy) โดยที่ TISCO จะประกาศงบ 1Q18 เป็นแบงก์แรกในวันนี้