Money Wizard - April 9, 2018
(09/04/2018 - 08:45)

ตลาดหุ้นเมื่อวันพฤหัสบดี : SET Index เพิ่มขึ้น 14.94 จุด (+0.87%) ปิดที่ 1,740 จุด เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้า นำโดยกลุ่ม ปิโตรฯ โรงกลั่น และ กลุ่มไฟแนนซ์ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,231 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 21,814 สัญญา และ ซื้อสุทธิตราสารหนี้ 1,479 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,725 – 1,745 จุด  (อิงการย่อตัวลงก่อนจะสลับรีบาวด์)  เนื่องจากความกังวล Trade war ระหว่างสหรัฐ-จีนมีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ สั่งให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณารายการสินค้านำเข้าจากจีนเพื่อเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์ตอบโต้จีนที่ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ประกอบราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงแรงหลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 11 แท่น สู่ 808 แท่นสูงสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งเป็นแรงกดดันดัชนี อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีแรงซื้อหุ้นรายตัวที่คาดว่ากำไร Q1/18 จะเติบโตขึ้นช่วยพยุงดัชนีในช่วงอ่อนตัวได้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่ม Domestic Play เช่น กลุ่มโรงพยาบาล (BCH BDMS BH)  กลุ่มขนส่ง ( AOT )
  • กลุ่มเครื่องดื่ม ( HTC ) อานิสงส์ราคาน้ำตาลลงต่ำสุดในรอบ 2 ปีล่าสุด 12.2 cent/pound
  • TVO ราคากากถั่วเหลืองมีแนวโน้มขาขึ้นล่าสุด 382 US/ตัน และคาดกำไรQ1/18 เติบโต QoQ + YoY
  •  กลุ่มปิโตรฯ ( IRPC PTTGC IVL ) คาดกำไร Q1/18 ยังคงเติบโตโดดเด่น

หุ้นแนะนำวันนี้ : MINT (ปิด 39 บาท ซื้อ/ เป้า 47 บาท ) ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลงจากข่าวเข้าซื้อกิจการในสเปนมากเกินไป ส่งผลให้ Valuation ในปัจจุบันปรับตัวลงและถูกกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มโดย มี P/E ซื้อขายเฉลี่ยเพียง 28 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของ Sector ที่ 30-35 เท่า แนวโน้มของกำไรยังเติบโตโดดเด่นประมาณ 18-21% ต่อปีไปอีก 3 ปีข้างหน้า จากแนวโน้มธุรกิจท่องเที่ยวที่ดีขึ้นและธุรกิจร้านอาหารปรับตัวดีขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจ

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน,อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : ANAN, BANPU, BBL, BCH, IVL, HTC, MINT, PTTGC, SPALI and TMB

KSS report วันนี้ : RS (ปิด 27.25 ถือ/ เป้า 31), SCC (ปิด 482 ซื้อ/ เป้า 550 เดิม 580)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :                                          

  • (-) 2%ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 572 จุด (-2.34%) ปิด ที่ 23,933 จุด นักลงทุนยังวิตกกังวลต่อปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐหลังจากล่าสุด โดนัล ทรัมป์ เตรียมพิจารณาออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 1 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งมากกว่ามาตรการครั้งแรกกว่าเท่าตัว ขณะที่จีนออกแถลงการณ์พร้อมตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการที่ครอบคลุม นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้นเพียง 103,000 ตำแหน่ง ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ลดลงจากเดือน ก.พ.ที่เพิ่มขึ้น 326,000 ตำแหน่งและ ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 193,000 ตำแหน่ง
  • (-) ราคาน้ำมันดิบลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ กังวลสงครามการค้า และ ยังถูกกดดันจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่เพิ่มขึ้น : ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 62.06 ดอลลาร์/บาร์เรล จากแรงกดดันทั้งด้านดีมานด์และซัพพลาย โดยตลาดคาดว่าปัญหาสงความการค้าจะกดดันให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวน้อยกว่าที่คาดไว้และจะกดดันให้ความต้องการน้ำมันดิบปรับตัวลงในระยะถัดไป ขณะที่ฝั่งซัพพลายยังถูกกดดันจากรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอีก 11 แท่น สู่ระดับ 808 แท่น นับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2015
  • (-) Fund Flow ต่างชาติพลิกกลับมาไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาค $274 ล้าน : เมื่อวันศุกร์นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$274 ล้าน โดยขายมากที่สุดในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$ 246 ล้าน ตามด้วยประเทศในกลุ่ม TIP ซึ่งขายมากสุดในตลาดหุ้นอินโดฯ $18.8 ล้าน ตามด้วยฟิลิปปินส์ US$9.3 ล้าน ส่วนตลาดหุ้นไทยและไต้หวันปิดทำการ