ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้อ่อนตัวลง -2.88 จุด ปิดที่ 1,798 จุด มูลค่าการซื้อขาย 50,409 ล้านบาท โดยแม้จะมีแรงซื้อกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น แต่ภาวะตลาดยังมีความกังวล FED ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้น 3 ครั้งในปีนี้รวมถึงแรงขายตามสัญญาณเทคนิคหลังดัชนีไม่สามารถผ่าน 1,810 จุดขึ้นไปได้   ทั้งนี้ Fund Flow ต่างชาติซื้อสุทธิ 948 ล้านบาท , Net Short TFEX 2,593 สัญญา และซื้อสุทธิตราสารหนี้ 10,421 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ :  ประเมินว่า SET จะปรับตัวลงทดสอบ 1,780 - 1,790 จุดก่อนจะสลับรีบาวด์  จากปัจจัยลบปธน.ทรัมป์ลงนามเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อลงโทษจีนที่ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ นอกจากนี้ยังเสนอให้จำกัดการลงทุนของจีนในสหรัฐ และต้องการให้จีนจัดทำแผนลดตัวเลขเกินดุลการค้าลง 1 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ตามการที่ราคาน้ำมันยังทรงตัวระดับสูงซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและคาดว่าจะช่วยพยุงดัชนีในจังหวะที่อ่อนตัวลงได้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

• กลุ่มอิเล็คทรอนิค (KCE HANA DELTA ) อานิสงส์เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าและราคาทองแดงลงทำ Low ในรอบ 1 เดือน
• กลุ่ม Defensive Stock  เช่น ค้าปลีก (CPALL HMPRO)  โรงพยาบาล (BCH BDMS)
• กลุ่มพลังงานและปิโตรฯ (PTTEP IRPC PTTGC IVL ) คาดกำไร Q1/18 ยังคงเติบโต รวมถึงราคาน้ำมันทรงตัวเหนือ 65 US/Barrel
• กลุ่มเครื่องดื่ม (HTC CBG ) อานิสงส์ราคาน้ำตาลลงต่ำสุดในรอบ 2 ปีล่าสุด 12.7 cent/pound

หุ้นแนะนำวันนี้ : CPALL(ปิด 88 ซื้อ/เป้าสูงสุด Concensus 101 ) ได้ประโยชน์จากมาตรการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขึ้นเป็น 330 บาท จากเดิม 310 บาท โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย. 61 เป็นไป คาดกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นบวกต่อผู้ประกอบการค้าปลีก และเป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าน้อยที่สุด

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน, อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : ANAN, BANPU, BBL, BCH, IVL, HTC, MINT, PTTGC, SPALI and TMB

KSS report วันนี้ : SAWAD (ปิด 62.5 ซื้อ/เป้า 70), VIBHA (ปิด 2.42 ซื้อ/เป้า 3.2 เดิม 3.4)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :                                          

• (-) กังวลสงครามการค้าหลัง ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน กดดันดัชนีดาวโจนส์ร่วงแรงกว่า 724 จุด : ดัชนีดาวโจนส์และดัชนีตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลกปรับตัวลงแรงเนื่องจากตลาดวิตกกังวลสงครามการค้าจะกดดันให้ GDP ของโลกที่กำลังฟื้นตัวจะหยุดชะงัก หลังจากที่เมื่อคืน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อลงโทษจีนที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะผลักดันให้ประเทศที่ได้รับผลกระทบ (จีน) จะออกมาตรการตอบโต้ ส่งผลกระทบต่อภาคการค้าโลกในวงกว้าง
• (+/-) ติดตามการโหวตร่างกฏหมายงบประมาณของสหรัฐในคืนวันนี้ หากไม่ผ่านสหรัฐจะต้องปิดหน่วยงาน (ชัตดาวน์) เป็นครั้งที่ 3 ของปี : คืนวันนี้ติดตามการโหวตร่างกฎหมายงบประมาณวงเงิน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ของสหรัฐ ล่าสุดสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างให้วุฒิสภาพิจารณา โดยสภาคองเกรสจะต้องโหวตผ่านร่างกฎหมายให้ทันเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ หรือในวันเสาร์เวลา 11.00 น.ตามเวลาไทย หากไม่ทันรัฐบาลสหรัฐจะเผชิญกับการปิดหน่วยงานของรัฐ (ชัตดาวน์) เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้
• (+) วานนี้ Fund Flow ต่างชาติคลายกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยพลิกเป็นซื้อสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาคเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ : วานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$335 ล้าน เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ โดยซื้อมากที่สุดในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$187 ล้าน ตามด้วยไต้หวัน US$112 ล้าน ส่วนกลุ่ม TIP ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย US$30 ล้าน ตามด้วยอินโดฯ US$9 ล้าน ส่วนฟิลิปปินส์ต่างชาติยังขายสุทธิ US$9 ล้าน ตามลำดับ
• (+/-) สัปดาห์หน้า (28 มี.ค.) ติดตามการประชุมกนง.คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% ตามเดิม : เราคาดว่าอัตราเงินเฟ้อของบ้านเราที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของแบงก์ชาติ (1-4%) รวมไปถึงค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าจะกดดันให้แบงก์ชาติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% ตามเดิม