Money Wizard - March 19, 2018
(19/03/2018 - 08:30)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วันก่อนอ่อนตัวลง -4.32 จุด ปิดที่ 1,811 จุด มูลค่าการซื้อขาย 76,035 ล้านบาท เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน ประกอบกับนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอผลการประชุม FED ในสัปดาห์หน้า ส่งผลให้เป็นแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัว  ทั้งนี้ Fund Flow ต่างชาติขายสุทธิ 1,442 ล้านบาท , Net Long TFEX 1,793 สัญญา และซื้อสุทธิตราสารหนี้ 1,063 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ :  ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,805 - 1,820 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน โดยแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่รีบาวด์ขึ้น ,ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งหลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นสู่ 102 จุด รวมถึงการผลิตภาคอุตฯเดือนก.พ. +1.1%  อย่างไรก็ตามภาวะตลาดยังมีความกังวลผลกระทบสงครามการค้าหลังสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า ICT และสินค้าเพื่อผู้บริโภคจากจีน รวมถึงกดดันให้จีนจัดทำแผนลดตัวเลขเกินดุลการค้า 1 แสนล้านดอลลาร์  นอกจากนี้คาดว่านักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอผลการประชุม FED ในวันที่ 20 – 21 มี.ค. (คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.75% ) รวมถึงติดตามการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไป

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

  • กลุ่มพลังงานและปิโตรฯ ( PTT PTTEP IRPC PTTGC IVL ) คาดกำไร Q1/18 ยังคงเติบโตจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวเหนือ 60 US/Barrel
  • ADVANC TRUE กสทช.ผ่อนผันแบ่งการชำระงวดประมูลคลื่น 900 MHz เป็นเวลา 5 ปี
  • กลุ่มเครื่องดื่ม (HTC CBG ) อานิสงส์ราคาน้ำตาลลงต่ำสุดในรอบ 2 ปีล่าสุด 12.7 cent/pound

หุ้นแนะนำวันนี้ : HTC (ปิด 26.75 ซื้อ/เป้า 35) เก็งกำไรราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวลง 12.7 เซนต์/ปอนด์ ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 2 ปี เป็นบวกกับกลุ่มผู้ประกอบการที่ใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบ เนื่องจากปัจจุบันไทยประกาศให้ราคาขายในประเทศลอยตัวตามราคาน้ำตาลในตลาดโลก เรามอง HTC ได้ประโยชน์มากสุด โดยทุกๆ 1 บาท ที่ราคาน้ำตาลในประเทศลดลงจะเพิ่มกำไรให้กับ HTC ประมาณ 60 ล้านบาท

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน, อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : ANAN, BANPU, BBL, BCH, IVL, HTC, MINT, PTTGC, SPALI and TMB

KSS report วันนี้ : IVL(ปิด 55.25 ซื้อ/เป้า 75 เดิม 70), SVI(ปิด 4.42 ถือ/เป้า 4.40)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :                                          

 (+) ดัชนีดาวโจนส์ และ ตลาดน้ำมันดิบ ของสหรัฐปรับขึ้นตอบตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส : เมื่อวันศุกร์ดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้น 72.85 จุด ปิดที่ 24,947 จุด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 62.34 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนตอบรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสูดในรอบ 14 ปี ที่ 102 จาก 99.9 ในเดือน ก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 99.3 ขณะเดียวกัน สหรัฐยังรายงานดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.พ.เพิ่มขึ้น 1.1% เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3%

(-) วิตกการเมืองญี่ปุ่นกดดันดัชนีนิเคอิเปิดตลาดในแดนลบ : เช้าวันนี้ดัชนี นิเคอิ ของญี่ปุ่นปรับตัวลงกว่า 200 จุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในญี่ปุ่น หลังจากคะแนนนิยมของคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายชินโซ อาเบะ ลดลงสู่ระดับ 38.7% จาก 48.1% จากเหตุอื้อฉาวที่นายอาเบะให้การช่วยเหลือพรรคพวกในการซื้อที่ดินและอสังหาฯ

(+/-) Fund Flow ต่างชาติซื้อสุทธิในไต้หวันและเกาหลีใต้ แต่ยังขายสุทธิในกลุ่ม TIP : เมื่อวันศุกร์นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$157 ล้าน แต่ซื้อสุทธิเพียง 2 ตลาดคือ เกาหลีใต้ US$256 ล้าน และ ไต้หวัน US$71 ล้าน ส่วนประเทศในกลุ่ม TIP ต่างชาติยังขายสุทธิ โดยขายมากที่สุดในตลาดหุ้นอินโดฯ US$75 ล้าน ตามด้วยไทย และฟิลิปปินส์ US$490 ล้าน และ US$ 46 ล้าน ตามลำดับ

(+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้คือ การประชุมของ FED ในวันที่ 20-21 มี.ค. และลุ้น ครม.อนุมัติการลงทุนโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้า : สัปดาห์นี้ทั่วโลกคงเฝ้าจับตาไปที่การประชุมของ FED ในช่วงวันที่ 20-21 มี.ค. โดยเราและตลาดส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.75% ส่วนจำนวนครั้งของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังไม่แน่นอนทำให้เป็นความเสี่ยงกับตลาดหาก FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยมากว่า 3 ครั้งซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ตามเรามองว่าตลาดรับรู้ปัจจัยนี้ไปบ้างแล้วทำให้ผลกระทบที่มีต่อตลาดน่าจะอยู่ในกรอบจำกัด ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามการประชุม ครม.ลุ้นที่ประชุมอนุมัติ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท