Money Wizard - January 15, 2018
(15/01/2018 - 09:30)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,810 จุด (+7.39 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 81,791 ล้านบาท จากแรงซื้อดักงบ 2017 ของกลุ่มธนาคารที่จะทยอยประกาศ รวมถึงราคาน้ำมันและถ่านหินที่ทรงตัวระดับสูงเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,363 ล้านบาท ,   Net Long TFEX 2,325 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 10,844 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ :  ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากแรงซื้อดักงบและปันผลปี 2017 (โดย TISCO มีกำไร 6 พันลบ. +22%) ส่วนธนาคารอื่นจะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมัน ถ่านหิน)ที่ทรงตัวระดับสูงเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน อีกทั้ง Fund Flow ต่างชาติที่พลิกเป็น Net Buy 2.3 พันลบ.จะเป็นแรงหนุนต่อ sentiment ดัชนีด้วยเช่นกัน  อย่างไรก็ตามควรต้องระวังความผันผวนที่มากขึ้นจากแรงกดดัน Overbought ทางเทคนิค ดังนั้นประเมินว่า SET จะขึ้นทดสอบ High เดิม 1,817 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ซื้อเก็งกำไร

  • กลุ่ม Defensive เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF GPSC BCPG BGRIM)
  • BANPU LANNA ราคาถ่านหินขึ้นทำ High รอบ 13 เดือนล่าสุด 105.85 US/Ton
  • กลุ่มพลังงานและปิโตรฯ (PTTEP IRPC PTTGC IVL ) ราคาน้ำมันทำ High ในรอบ 3 ปี และคาดกำไร Q4/17 เติบโต
  • กลุ่มที่คาดว่ากำไรเติบโตโดดเด่นในปี 2018  AOT BBL TMB IVL  UVAN GCAP ORI  IHL BCH EA

หุ้นแนะนำวันนี้ : IRPC (ปิด 7.5 ซื้อ/เป้า 8.5) คาดว่ากำไร 4Q17 จะอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท (EPS 0.19 บาท) เพิ่มขึ้น 20% qoq และ 129% yoy ขณะที่ปีนี้คาดกำไรสุทธิ 14,915 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%yoy สูงสุดของกลุ่ม ปตท.

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน, อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : AMATA, BBL, BCH, CENTEL, COL, CPALL, IVL, MINT, ORI and TMB

KSS report วันนี้ : ADB (ปิด 1.25 ซื้อ/เป้า 1.6), AEONTS (ปิด 135 ซื้อ/เป้าใหม่ 170 เดิม 125), BPP (ปิด 27 ถือ/เป้า 31) 

ประเด็นสำคัญวันนี้ :      

*       (+) ผลประกอบการของภาคธนาคารที่แข็งแกร่งหนุนดัชนีดาวโจนส์พุ่งทำ New high ต่อเนื่อง : ดัชนีดาวโจนส์พุ่งแรงกว่า 228 จุด เนื่องจากนักลงทุนตอบรับเชิงบวกหลังจากที่บริษัทในภาคการเงินของสหรัฐรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ อาทิ เจพีมอร์แกน เชส, เวลส์ ฟาร์โก และ แบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่งผลให้ หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวขึ้น 1.65% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับตัวลง 0.71% และหุ้นแบล็คร็อค พุ่งขึ้น 3.27%

*       (+) ราคาน้ำมันดิบยังไปต่อ คาดหวังกลุ่ม OPEC + Non OPEC จะลดกำลังการผลิตต่อไปจนกว่าภาวะตลาดจะกลับสู่สมดุล : ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 50 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 64.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยตลาดได้แรงหนุนหลังจากที่ รมว.พลังงานของรัสเซีย ออกมากล่าวว่าอุปทานน้ำมันดิบของโลกยังไม่ถึงจุดสมดุล นั่นหมายความว่าตลาดน้ำมันยังมีอุปทานส่วนเกินอยู่ จึงทำให้ตลาดคาดหวังได้ว่ากลุ่ม OPEC และ Non OPEC จะยังเห็นพ้องกันในการปรับลดกำลังการผลิต 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าภาวะตลาดจะกลับสู่ภาวะสมดุล

*       (+/-)สัปดาห์นี้ติดตามการประกาศผลประกอบการ 4Q17 และปี 2017 ของกลุ่มธนาคาร คาด KTB และ TMB มีกำไรเด่นสุด : เราคาดกำไรสุทธิของธนาคารทั้ง 8 แห่งที่เรา Cover จะมีกำไรสุทธิใน 4Q17 ประมาณ 3.98 หมื่นล้านบาท ลดลง 2%qoq และ 12%yoy หลักๆมาจากการตั้ง Provision และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้นของ KBANK ส่งผลให้ KBANK น่าจะมีผลกำไรอ่อนแอที่สุดใน 4Q17 ส่วน KTB และ TMB คาดว่าจะมีกำไรสุทธิโดดเด่นที่สุดเนื่องจากมีการตั้งสำรองลดลงและมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่ากลุ่มธนาคารทั้งหมดจะประกาศงบออกมาพร้อมกันในช่วงวันที่ 18-19 ม.ค.เป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามเรามองข้ามผลประกอบการ 4Q17 และปี 2017 ไปแล้วและให้ความสำคัญกับแนวโน้มผลกำไรในปีนี้มากกว่าซึ่งเราคาด ผลกำไรของกลุ่มธนาคารในปีนี้จะกลับมาเติบโต 16%yoy เทียบกับปีที่ผ่านมาที่คาดว่าจะหดตัว 6%yoy โดยได้แรงหนุนจากยอดปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และ NPL ลดลง จากผลบวกของเศรษฐกิจที่ขยายตัว รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยของหลายธนาคารกลับมาเติบโตจากการจับมือกับพันธมิตรในธุรกิจประกัน เราจึงให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มธนาคารเป็น Overweight เน้นหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ (BBL KTB SCB TMB) ที่ได้ประโยชน์โดยตรงจาก GDP ขยายตัวและดอกเบี้ยขาขึ้น และเลือก TMB และ BBL เป็น Top Pick ของกลุ่ม