ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index อ่อนตัวลงปิดที่ 1,794 จุด (-0.29 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 89,683 ล้านบาท เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน อย่างไรก็ตามได้แรงซื้อกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันและถ่านหินที่พุ่งขึ้น ช่วยพยุงดัชนีให้อ่อนตัวลงเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,359 ล้านบาท ,  แต่ Net Long TFEX 7,258 สัญญา และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 3,030 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ :  แม้ว่าภาวะตลาดหุ้นไทยจะยังคงได้แรงหนุนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมัน ถ่านหิน)ที่ทรงตัวระดับสูง อย่างไรก็ตามความกังวลใหม่จากข่าวรัฐบาลจีนจะชะลอหรือยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ , ข่าวสหรัฐอาจถอนตัวออกจาก NAFTA  อีกทั้ง Fund Flow ต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่องโดยเป็น Net Sell 5 วัน ราว 1.1 หมื่นลบ.จะเป็นแรงกดดันต่อทิศทางดัชนีให้ผันผวนสูง ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,785 - 1,800 จุด

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ซื้อเก็งกำไร

• กลุ่ม Defensive เช่น โรงไฟฟ้า และหุ้นปันผลสูง
• BANPU LANNA AGE ราคาถ่านหินขึ้นทำ High รอบ 13 เดือนล่าสุด 106.5 US/Ton
• กลุ่มพลังงานและปิโตรฯ (PTTEP IRPC PTTGC IVL ) ราคาน้ำมันทำ High ในรอบ 3 ปี ล่าสุด 63.5 US/Barrel
• กลุ่มที่คาดว่ากำไรเติบโตโดดเด่นในปี 2018  AOT BBL TMB IVL  UVAN GCAP ORI  IHL BCH EA

หุ้นแนะนำวันนี้ :  SEAFCO (ปิด 9.95 บาท  ซื้อ/ เป้า 12 บาท ) SEAFCO คือเบอร์ 1 ในธุรกิจเสาเข็มเจาะของเมืองไทย ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 3 พันล้านบาทมากที่สุดในอุตสาหกรรม และนับเป็นสถิติสูงสุดของบริษัท อนาคตรายได้มีศักยภาพเติบโตสูงสุดของกลุ่มเนื่องจากเป็นเพียงบริษัทเดียวที่บุกงานรับเหมาในต่างประเทศ อาทิ เมียนมาร์ และ กัมพูชา

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน, อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : AMATA, BBL, BCH, CENTEL, COL, CPALL, IVL, MINT, ORI and TMB

KSS report วันนี้ : Media Sector (Overweight Top Pick : WORK), CBG (ปิด 87.75 ถือ/เป้า 80)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :      

(-)จีนส่งสัญญาณชะลอซื้อพันธบัตรสหรัฐกดดัน Bond yield พุ่งขึ้น อาจเป็นปัจจัยลบกดดัน Sentiment การลงทุนในระยะ : วานนี้มีรายงานข่าวว่าเจ้าหน้าที่จีนซึ่งมีหน้าที่พิจารณาการถือครองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ได้เสนอให้รัฐบาลจีนชะลอ หรือ ยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจลดลง  ด้วยเหตุที่จีนเป็นประเทศที่ถือครองพันธบัตรสหรัฐมากที่สุดของโลก เมื่อมีข่าวดังกล่าวจึงทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ของสหรัฐปรับขึ้นสู่ระดับ 2.558% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 เดือน หาก Bond yield ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจะกลายเป็นปัจจัยลบต่อ Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นในระยะถัดไป เนื่องจาก Earning yield gap หรือส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากพันธบัตรจะแคบลง ทำให้ความน่าสนใจจากการลงทุนในตลาดหุ้นจะไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความเสี่ยง

(+) สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงเกินคาดหนุนราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี : ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังเดินหน้าขึ้นต่อวานนี้เพิ่มขึ้นอีก 61 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 63.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.9 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.9 ล้านบาร์เรล นับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 8 นอกจากนี้ EIA ยังปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้ขึ้นเป็น 55.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากเดิม 52.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

(-) Fund Flow ต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคเป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ : วานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$496 ล้าน เป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ โดยขายมากที่สุดในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$254 ล้าน ตามด้วย ไทย และ ไต้หวัน US$136 ล้าน และ US$126 ล้าน ตามลำดับ อย่างไรก็ตามต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ และ อินโดฯ US$12.4 ล้าน และ US$7.5 ล้าน ตามลำดับ

(+) Media Sector อัพเกรดเป็น Overweight จากเม็ดเงินโฆษณาที่มีแนวโน้มฟื้นตัว เน้นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเติบโตสูงและราคายังไม่แพง Top Pick  คือ WORK (ซื้อ/เป้า 108 บาท) คาดกำไรสุทธิโต 47%yoy ขณะที่ PE 27 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม Media ที่ 30 เท่า