ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้น 24.82  จุด ปิดที่ 1,778 จุด มูลค่าการซื้อขาย 85,850 ล้านบาท ตอบรับตัวเลขภาคการผลิตของทั้งสหรัฐ ยุโรปและจีนที่ขยายตัวแข็งแกร่ง รวมถึงราคาน้ำมันที่ขึ้นเหนือ 60 US/Barrel ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่ม Big Cap เช่น พลังงาน ปิโตรฯ และ ขนส่ง   ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,695 ล้านบาท ,  Net Short TFEX 7,032 สัญญา และ ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 4,056 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ :  ภาวะตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจากรายงานประชุมเฟดสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อหนุนให้เงินเฟ้อขึ้นสู่ระดับ 2% , ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมัน ถ่านหิน) พุ่งขึ้นทำ High ประกอบกับเงินบาที่แข็งค่าขึ้นเป็นบวกต่อ Fund Flow ต่างชาติโดยล่าสุดพลิกเป็น Net Buy 2 วันราว 5 พันลบ. อย่างไรก็ตามอาจต้องระวังแรงขายกอง LTF ที่ครบกำหนดถือ 5 ปี (ปี 2014 ที่ได้ผลตอบแทนราว10 - 17%) และภาวะ Overbought ทางเทคนิค ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นทดสอบบริเวณ 1,785 - 1,790 จุดก่อนจะอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ซื้อเก็งกำไร

• BANPU LANNA AGE ราคาถ่านหินขึ้นทำ High รอบ 13 เดือนล่าสุด 103.80 US/Ton
• กลุ่มพลังงานและปิโตรฯ (PTTEP IRPC PTTGC IVL ) ราคาน้ำมันพุ่งทำ High ในรอบ 2 ปีครึ่ง
• กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT CENTEL MINT SPA ) อานิสงส์มาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวหัวเมืองรอง 55 จังหวัดในปี 2561
• กลุ่มค้าปลีก (CPALL ROBINS CPN COL) High season การจับจ่ายใช้สอยช่วงคริสมาสต์และปีใหม่
• กลุ่มที่คาดว่ากำไรจะเติบโตโดดเด่นในปี 2018  BBL TMB IVL  UVAN GCAP ORI  IHL BCH EA

หุ้นแนะนำวันนี้ :   PTTGC (ปิด 86.25 บาท ซื้อ/ เป้า 100 บาท) เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของ PTTGC เป็น 100 บาท จากเดิม 86 บาท คาดกำไรสุทธิทำ all time high ต่อเนื่อง จาก run rate ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่มี major plan shut down เหมือนปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังไม่มีปัจจัยลบจากการขายหุ้นที่ซื้อคืนเนื่องจากบริษัทได้ขายคืนในตลาดไปหมดแล้ว  

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน, อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : AMATA, BBL, BCH, CENTEL, COL, CPALL, IVL, MINT, ORI and TMB

KSS report วันนี้ : Food Sector ให้น้ำหนักเท่าตลาด Top pick ASIAN TVO TWPC และ UVAN, PTTGC (ปิด 86.25 ซื้อ /เป้าใหม่ 100 เดิม 86)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :      

       (+/-) FED Minute ยังไม่มีอะไรใหม่ เบื้องต้นยังประเมิน FED ขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ 3 ครั้งตามเดิม : Fed จะเปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 12-13 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยรายละเอียดของเนื้อหาไม่มีอะไรแตกต่างกับถ้อยแถลงหลังการประชุม คณะกรรมการส่วนใหญ่ยังสนับสนุนให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปจึงไม่มีอะไรต้องกังวล โดยเรายังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ที่ 3 ครั้งตามเดิมเหมือนกับปีที่ผ่านมา คือขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือน มี.ค., มิ.ย. และ ธ.ค. สอดคล้องกับ Bloomberg Consensus ซึ่งคาดโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยสำหรับการประชุมในวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. ไว้ที่ 0% และมีความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มี.ค.ที่ 69%

(+) -3 ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 61.63 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากกังวลสถานการณ์ประท้วงรัฐบาลในอิหร่านอาจลุกลามบานปลาย และอาจกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบของอิหร่านซึ่งเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตน้ำมันดิบใหญ่เป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม OPEC

(+/-) อัตราเงินเฟ้อบ้านเรายังต่ำ กดดันแบงก์ชาติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% ไปอย่างน้อยอีก 2 ไตรมาส เป็นบวกกับ Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้น : กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline Inflation) เดือน ธ.ค.ลดลงเป็น 0.78% จาก 0.99% ในเดือน พ.ย.ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 0.62% จาก 0.61% ในเดือน ต.ค. ซึ่งยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของแบงก์ชาติที่ 1-4% ด้วยเหตุนี้เราจึงคงมุมมองเดิมโดยคาดแบงก์ชาติจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% ไปอย่างน้อยอีก 2 ไตรมาส และคาดว่าเมื่ออัตราเงินเฟ้อค่อยๆเพิ่มขึ้นสู่กรอบเป้าหมายตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเริ่มเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งซึ่งเรามองว่าน่าจะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2018

(+) Fund Flow 5TIP : วานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$699 ล้าน โดยซื้อมากที่สุดในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$432 ล้าน ตามด้วยไต้หวัน US$171 ล้าน ส่วนประเทศในกลุ่ม TIP ต่างชาติซื้อสุทธิมากที่สุดในตลาดหุ้นไทย US$83 ล้าน ตามด้วยฟิลิปปินส์ และ อินโด US$7 ล้าน และ US$5.4 ล้าน ตามลำดับ