ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้น 10.42 จุด ปิดที่ 1,753.7 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,370 ล้านบาท ตอบรับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นยืนเหนือ 60 US/Barrel , ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวขึ้นต่อเนื่องโดย สศค.คาด GDP ปี 60 โตได้สูงกว่า 3.8% ประกอบกับแรงซื้อกองทุน LTF RMF ช่วงปลายปี ส่วนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,342 ล้านบาทเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ Net Long TFEX 4,701 สัญญา และ ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,752 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : ภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงได้แรงหนุนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทรงตัวระดับสูง เช่น น้ำมัน ถ่านหิน , ตัวเลขภาคการผลิตของทั้งสหรัฐ ยุโรปและจีนยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นบวกต่อกระแส Fund Flow ต่างชาติ อย่างก็ตามอาจต้องระวังแรงขายกอง LTF ที่ครบกำหนดถือ 5 ปี (ปี 2014 ที่ได้ผลตอบแทนราว10 - 17%) ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นทดสอบบริเวณ 1,760 จุดก่อนจะอ่อนตัวลง
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ซื้อเก็งกำไร
หุ้นแนะนำวันนี้ : BANPU (ปิด 19.50 บาท ซื้อ/ราคาพื้นฐาน 22.00 บาท) ราคาถ่านหินขึ้นทำ High ในรอบ 13 เดือนที่ระดับ 102.65 US/Ton อีกทั้งคาดกำไร 2017 ที่ 9.2 พันลบ. +447%YoY ตามราคาถ่านหินที่พุ่งขึ้น รวมถึง Valuation น่าสนใจค่า P/E 13.4 และ P/BV 1.2 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม
ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปี 2018 : ธนาคาร, พลังงาน, อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์
Top picks ปีนี้ : AMATA, BBL, BCH, CENTEL, COL, CPALL, IVL, MINT, ORI and TMB
KSS report วันนี้ : IVL (ซื้อ/เป้าใหม่ 70 บาท เดิม55), กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง(เสาเข็ม) ให้น้ำหนัก Overweight TOP Pick SEAFCO เป้า 12 บาท และ CRANE เป้า 4.3 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้ :
(+) สถิติบ่งชี้ลงทุนในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของเดือน ม.ค.มีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกมากกว่าลงทุนทั้งเดือน : จากการรวบรวมข้อมูลสถิติการลงทุนในตลาดห้นไทยในเดือน ม.ค.ย้อนหลัง 15 ปี (2013-2017) พบว่าการลงทุนในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของเดือนม.ค.มีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกมากกว่าการถือลงทุนทั้งเดือน โดยการลงทุนในช่วงสัปดาห์แรกมีความน่าจะเป็นที่จะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงถึง 73% ขณะที่การลงทุนในช่วง 2 สัปดาห์แรกความน่าจะเป็นที่จะได้ผลตอบแทนเป็นบวกอยู่ที่ 60% ขณะที่การลงทุนทั้งเดือนมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกอยู่ที่ 50:50
(+/-) คาดแรงขายของกองทุน LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอนกระทบดัชนีในกรอบจำกัด : ผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุน LTF ที่สามารถขายและไถ่ถอนได้ในปีนี้คือนักลงทุนที่เข้าซื้อกองทุน LTF ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปี 2014 ซึ่งมีมูลค่าเงินลงทุนสะสมมากกว่า 2 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามเราคาดว่าแรงขายกองทุน LTF ที่ครบกำหนดจะมีไม่มากเนื่องจากดัชนีเมื่อปี 2014 โดยเฉพาะในช่วงปลายปีซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนเข้าซื้อกองทุน LTF มากที่สุดเคลื่อนไหวเฉลี่ยที่ระดับ 1,500 -1,600 จุด ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณ 10-17% ถือว่ายังไม่มากพอที่จะจูงใจให้นักลงทุนต้องรีบขาย ขณะที่นักลงทุนที่ถือมาตั้งแต่เริ่มโครงการหรือก่อนปี 2014 สามารถขายได้ในทุกช่วงเวลาอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องรีบขายในเดือนม.ค.เช่นกันส่วนนักลงทุนที่จะขายคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่เน้นบริหารเงินหรือลดหย่อนภาษีเป็นหลัก (ซื้อกองทุน LTF ด้วยบัตรเครดิตในช่วงปลายปีแล้วต้นปีขายกองทุนเพื่อนำเงินไปชำระบัตรเครดิต)
(+) Fund Flow : วานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$693 ล้าน แรงซื้อยังกระจุกตัวในตลาดหุ้นไต้หวันและเกาหลีใต้ US$ 332 ล้าน และ US$328 ล้าน ส่วนกลุ่ม TIP ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอินโดฯ US$ 32.4 ล้าน ส่วนตลาดหุ้นไทยและฟิลิปปินส์ยังปิดทำการในช่วงเทศกาลปีใหม่