ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ลดลง 0.16 จุด ปิดที่ 1,670 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,494 ล้านบาท หุ้น Big Cap พักตัว นักลงทุนหมุนกลุ่มเก็งกำไรในหุ้น Mid – Small cap ในกลุ่ม นิคมฯ, กลุ่มเดินเรือ และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอื่นๆ อาทิ BFIT, TCMC, GCAP และ BR นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 145 ล้านบาท เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ และ ซื้อสุทธิในตลาด TFEX 9,553 สัญญา เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ และ ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,662 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3  

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาด SET Index จะยังพักตัวและมีโอกาสปรับตัวลง เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจน ประกอบกับนักลงทุนอาจจะชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และรอดูสถานการณ์ระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือหลังจากที่สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่นอกจากนี้นักลงทุนอาจจะกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีนหลังจากที่ S&P ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของจีนสู่ระดับ "A+" จาก “AA-

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ยังเน้นหุ้น Mid – Small cap ที่แนวโน้มผลประกอบการ 3Q17 จะออกมาดี อาทิ IHL, TPCH, *UTP, *SGP และกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มนิคมฯ (AMATA *WHA) รับผลบวก ครม.ผ่านร่าง พรบ.EEC, กลุ่มเดินเรือ (*PSL *TTA *RCL *ASIMAR) ดัชนีค่าระวางเรือทำ Newhigh ต่อเนื่องและเข้าสู่ช่วง high season ของธุรกิจ, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ KCE ราคาทองแดงปรับตัวลงหนุนมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น

( หมายเหตุ *เราไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน )

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น :  IHL (ปิด 10.5 ซื้อ / 13) ราคาร่วงแรงกว่า 15% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนกังวลโรงงานใหม่จะเปิดดำเนินการล่าช้ากว่าแผน ซึ่งเรามองว่าตลาดกังวลประเด็นนี้มากเกินไปเนื่องจากปัญหาดังกล่าวคาดว่าจะกระทบประมาณการณ์กำไรใน 3Q17 เพียง 5-6 ล้านบาท ซึ่งสุทธิแล้วกำไร 3Q17 ยังคงเพิ่มขึ้นได้ทั้ง QoQ และ YoY ราคาลดลงเป็นโอกาสซื้อเพราะกำไร 4Q17 และปีหน้าโตก้าวกระโดด

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปีนี้ : ธนาคาร, พลังงาน, อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : BIG, BPP, CPALL, EA, IHL, IRPC, IVL, MINT, ORI, และ STEC

KSS report วันนี้ : FTE (ปิด 3.38 เริ่มต้นคำแนะนำ ซื้อ / เป้า 4.5)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :      

       (+/-) Fund Flow ต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไต้หวันเพียงแห่งเดียว ส่วนตลาดอื่นๆเริ่มกลับมาซื้อ : วานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$52 ล้าน แต่ขายเพียงแห่งเดียวคือตลาดไต้หวัน US$171 ล้าน ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้, ไทย และ ฟิลิปปินส์ ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ US$ 110 ล้าน, US$4.4 ล้าน และ US$4.4 ล้าน ตามลำดับ ส่วนตลาดหุ้นอินโดฯปิดทำการเนื่องในวัน Islamic New Year

       (+) ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเพิ่มขึ้นสู่ระดับร้อนแรง มองหุ้น “กลุ่มท่องเที่ยว” น่าสนใจมากที่สุด : สภาธุรกิจตลาดทุนไทยรายงานผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในช่วง 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 124.13 จาก 104.01 หรือเพิ่มขึ้น 19.34% และเป็นระดับความเชื่อมั่นที่อยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง (120-160) โดยความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นมาจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันในประเทศ เนื่องจากมีความมั่นใจกับทิศทางเศรษฐกิจและสถานการณ์การเมืองในประเทศ โดยผลสำรวจยังระบุว่าหุ้นใน “กลุ่มท่องเที่ยว” เป็นกลุ่มที่น่าลงทุนมากที่สุด ขณะที่ “กลุ่มเกษตร” เป็นกลุ่มที่ไม่น่าลงทุน

       (+) GDP : วานนี้กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกของไทยเดือน ส.ค.มีมูล 21,224 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 13.2%yoy สูงสุดในรอบ 55 เดือน และมากกว่าที่ Consensus คาดว่าจะขยายตัว 5%yoy ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 19,134 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 14.9%yoy ส่งผลให้ 8 เดือนแรกยอดส่งออก ขยายตัว 8.9%yoy และ ยอดนำเข้าขยายตัว 15.4%yoy นอกจากนี้ยอดนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจะเป็นบวกให้ GDP ไตรมาส 3/17 ของไทยโตต่อเนื่อง

       (-) S&P ลดอันดับความน่าเชื่อถือของจีนสู่ระดับ "A+" จาก “AA-“กังวลความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชิ่อ: บริษัท S&P Global Ratings ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของจีนลง 1 ขั้น จาก "AA-" สู่ "A+" เนื่องจากกังวลยอดปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจะเพิ่มความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเงินให้กับจีน อย่างไรก็ตาม S&P ยังคงแนวโน้ม อันดับความน่าเชื่อถือของจีนยังคงมีเสถียรภาพ

       (-) สหรัฐประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ ขณะที่ คิม จอง อึน ขู่ตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการรุนแรง : เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดี ทรัมป์ ประกาศออกคำสั่งคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ โดยมีการขึ้นบัญชีดำบุคคล และ หน่วยงานที่ดำเนินธุรกิจกับเกาหลีเหนือ เพื่อเป็นการลงโทษเกาหลีเหนือที่ทำการทดลองนิวเคลียร์ และ ขีปนาวุธครั้งใหม่ ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ออกแถลงการณ์เตือนสหรัฐว่าจะเผชิญกับมาตรการตอบโต้อย่างแข็งกร้าวจากเกาหลีเหนือในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ภายหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ได้กล่าวสุนทรพจน์โจมตีนายคิม จอง อึนและเกาหลีเหนือในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN)