Money Wizard - September 21, 2017
(21/09/2017 - 09:45)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ลดลง 1.94 จุด ปิดที่ 1,671 จุด มูลค่าการซื้อขาย 64,240 ล้านบาท จากแรงขายของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติ นำลงโดย AOT KBANK และ BBL นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อีก 1,895 ล้านบาท และ ขายสุทธิในตลาด TFEX 3,571 สัญญา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 แต่ยังซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,535 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2  

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาด SET Index จะเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับลงเนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อทิศทางของ Fund Flow ต่างชาติหลังจากที่เฟดส่งสัญญาณอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน ธ.ค.และจะเริ่มลดขนาดงบดุลในการประชุมครั้งถัดไปส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐและไทยปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า กดดันให้ Fund Flow ต่างชาติไหลออก เป็นลบต่อหุ้นในกลุ่ม Big Cap อย่างไรก็ตามเราคาดว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นในช่วงสั้นเนื่องจากการลดขนาดงบดุลเป็นสี่งที่ตลาดรับรู้อยู่แล้วตามที่เฟดได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้า

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : หุ้น Big Cap อาจจะได้รับผลกระทบจาก Fund Flow ต่างชาติที่อาจจะไหลออกโดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีปัจจัยบวกในช่วงสั้น อาทิ สื่อสาร และหุ้นที่ปรับขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า อาทิ AOT, DTAC และ SPRC ส่วนกลุ่ม Bank ยังได้ผลบวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นประกอบกับ 2 วันที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงไปก่อนแล้วทำให้ผลกระทบค่อนข้างจำกัด ส่วนกลุ่มที่น่าจะได้รับความสนใจในวันนี้น่าจะเป็นกลุ่มส่งออก คือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA KCE และ DELTA) กลุ่มอาหาร (TU CPF ASIAN TWPC และ GFPT) รับผลบวกค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า

( หมายเหตุ *เราไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน )

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น :  CBG (ปิด 74.5 ซื้อ / ปรับเป้าขึ้นเป็น 88 เดิม 80) คาดกำไรสุทธิ 3Q17 จะเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากแรงหนุนของยอดขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นสวนทางตลาด ขณะที่ยอดขายในจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และ อังกฤษมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว จาก 1 ล้านกระป๋องใน 2Q17 เป็นประมาณ 3 ล้านกระป๋อง

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปีนี้ : ธนาคาร, พลังงาน, อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : BIG, BPP, CPALL, EA, IHL, IRPC, IVL, MINT, ORI, และ STEC

KSS report วันนี้ : AOT (ปิด 59.25 ลดเกรด เป็น ถือ / เป้า 55), CBG (ปิด 74.5 ซื้อ / เป้าใหม่ 88), SAWAD (ปิด 51.75 ถือ /เป้า 52)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :      

*       (-) Fund Flow ต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 : วานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$304 ล้าน โดยขายมากที่สุดในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$ 130 ล้าน ตามด้วยไต้หวัน US$121 ล้าน ส่วนกลุ่ม TIP ขายมากที่สุดในตลาดหุ้นไทย US$57 ล้าน ตามด้วย อินโดฯUS$3.45 ล้าน แต่กลับเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ US$ 7.5 ล้าน ตามลำดับ

*       (+/-) เฟดคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงปลายปี : เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1-1.25% ตามเดิม แต่ส่งสัญญาณอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมที่จะมีขึ้นในเดือน ธ.ค. เนื่องจากประเมินผลเสียหายจากพายุเฮอริเคน ฮาร์วีย์ และ เออมาร์ เป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้น ขณะที่ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งยังเพียงพอสนับสนุนให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ นอกจากนี้เฟดยังส่งสัญญาณที่จะปรับลดขนาดงบดุลที่ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยการลดการถือครองพันธบัตร และตราสารหนี้ที่ระดับ 1 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ก่อนที่จะขยายเพดานการลดการถือครองอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในทุกๆ ไตรมาส จนกระทั่งแตะระดับ 5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือนในเดือนต.ค.2018 จากการส่งส่งสัญญาณของเฟดส่งผลให้ Bloomberg Consensus คาดความน่าจะเป็นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นสู่ระดับ 65.5% เทียบกับช่วงก่อนการประชุมที่ 53.2% Bond yield อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 2.27% จาก 2.23%

*       (+) ราคาน้ำมันดิบ WTI กลับมาปิดเหนือระดับ 50 ดอลลาร์ คาดหวังกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันขยายเวลาลดกำลังการผลิต : ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ (+1.9%) ปิดที่ 50.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จาก 1) ตอบรับข่าวที่ รัฐมนตรีน้ำมันอิรัก กล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และ ผู้ผลิตน้ำมันอีกหลายประเทศ กำลังพิจารณาที่จะขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน หรือ ปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น เพื่อแก้ไขภาวะน้ำมันล้นตลาด และ 2) กังวลความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่าน หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ที่กรุงนิวยอร์กโดยระบุว่าอาจจะยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและมหาอำนาจทั้ง 6 ชาติที่มีการทำไว้ในปี 2015

*       (+) กลุ่มยานยนต์ – มีสัญญาณบวกจาก ยอดผลิต ขาย และส่งออกรถยนต์กลับมาฟื้นตัวในเดือน ส.ค. : ส.อ.ท.รายงานยอดการผลิตรถยนต์ เดือน ส.ค. มีจำนวน 177,415 คัน เพิ่มขึ้น 11.5%mom และ 13.48%yoy เป็นบวกกับผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศ AH SAT STANLY ยอดขายรถยนต์ ทำได้ที่ 67,962 คัน เพิ่มขึ้น 4.3%mom และ 6.8%yoy  เป็นบวกกับกลุ่มธุรกิจปล่อยสินเชื่อรถยนต์ KKP TISCO TCAP และมียอดส่งออกรถยนต์ ที่ 102,907 คัน เพิ่มขึ้น 14.3%mom และ 9.26%yoy และนับเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน เป็นบวกต่อกลุ่มท่าเรือเพื่อการส่งออกรถยนต์ NYT