Money Wizard - September 20, 2017
(20/09/2017 - 08:25)

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index เพิ่มขึ้น 2.39 จุด ปิดที่ 1,673 จุด มูลค่าการซื้อขาย 68,717 ล้านบาท นำขึ้นโดย PTT PTTEP และหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (AOT MINT ERW) และนิคมฯ(AMATA WHA) นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิ 614 ล้านบาท เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ และ ยังขายสุทธิในตลาด TFEX 12,518 สัญญา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 933 ล้านบาท เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ  

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาด SET Index จะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัดเพื่อพักฐาน ส่วนหนึ่งเพื่อรอดูการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุลของเฟดในคืนวันนี้ ประกอบกับนักลงทุนจะรอดูท่าทีของนักลงทุนต่างชาติหลังจากที่เริ่มขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการและยัง Net Short ในตลาด TFEX ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ทำให้วันนี้หุ้น Big Cap น่าจะยังพักตัวต่อเนื่องจากเมื่อวาน และจะเห็นการหมุนกลุ่มการลงทุนไปยังหุ้นขนาดกลางถึงเล็กมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวโดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ผลบวกจากโครงการภาครัฐ

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นที่ได้ประโยชน์จากนักนโยบายภาครัฐ อาทิ 1)กลุ่มนิคมฯ(AMATA WHA) รับอานิสงส์ ครม.เห็นชอบ พรบ. EEC, 2) กลุ่มประกัน (BLA *TIP)  และ โรงพยาบาล (BCH VIBHA) ได้ประโยชน์จากการที่ภาครัฐอนุมัติให้นำเบี้ยประกันสุขภาพมาลดหย่อนภาษีได้ และ 3)กลุ่มท่องเที่ยว (ERW MINT CENTEL SPA) จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน และนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

( หมายเหตุ *เราไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน )

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น :  *SPA (ปิด 14.9 ซื้อ / เป้า Consensus สูงสุด 18) ได้ประโยชน์โดยตรงจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจาก SPA มีลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวจีน โดยมีสัดส่วนคิดเป็น 50% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด

ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปีนี้ : ธนาคาร, พลังงาน, อาหารและเครื่องดื่ม และ อสังหาริมทรัพย์

Top picks ปีนี้ : BIG, BPP, CPALL, EA, IHL, IRPC, IVL, MINT, ORI, และ STEC

KSS report วันนี้ : BCPG (ปิด 16.1 / ถือ 15.4), PTTEP (ปิด 91.5 ถือ / เป้า 88)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :      

*       (-) Fund Flow ต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ  : วานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$387 ล้าน เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการและเป็นการขายสุทธิในทุกตลาด โดยขายมากที่สุดในตลาดหุ้นไต้หวัน US$200 ล้าน ตามด้วย เกาหลีใต้ US$146 ล้าน ส่วนกลุ่ม TIP ต่างชาติขายสุทธิมากที่สุดในตลาดหุ้นไทย US$18.6 ล้าน ตามด้วยอินโดฯ และ ฟิลิปปินส์ US$17.3 ล้าน และ US$5.3 ล้าน ตามลำดับ 

*       (+) กลุ่มท่องเที่ยว : จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน และนักท่องเที่ยวจีนทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ : กระทรวงการท่องเที่ยวฯรายงานจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.13 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.5%mom และ 8.66%yoy นับเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่สูงที่สุดในรอบ 7 เดือน โดยนักท่องเที่ยวจีนยังเป็นกลุ่มหลักโดยมีจำนวนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.83 แสนคน เพิ่มขึ้น 4.8%mom และ 10.3%yoy ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจะยังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบ yoy เนื่องจากไม่มีผลกระทบจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นนี้จะเป็นบวกต่อ Sentiment และ ผลประกอบการของธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ AOT, ERW, CENTEL, MINT, *SPA, AAV และ กลุ่มเครื่องสำอางค์ที่ลูกค้าจีนนิยมซื้อเป็นของฝากอาทิ BEAUTY

*       (+) กลุ่มนิคมฯ - ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คาดประกาศใช้เป็นกฏหมายได้ในช่วงไตรมาส 4 : นับเป็นพัฒนาการเชิงบวกของโครงการ EEC  โดยลำดับถัดไปภาครัฐจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากนั้นจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาออกเป็นกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ในช่วงไตรมาส 4 และจะเริ่มเห็นเม็ดเงินลงทุนจากโครงการนี้ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป เบื้องต้น สภาหอการค้าฯ คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนในโครงการ EEC เฉลี่ย 3 แสนล้านบาทต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้าคาดว่าจะช่วยเพิ่ม GDP ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1-1.5% ต่อปี เบื้องต้นประเด็นนี้จะเป็นบวกโดยตรงต่อหุ้นในกลุ่มนิคมฯอุตสาหกรรม (AMATA *WHA *TICON) จากแนวโน้มยอดขายที่ดินและเช่าพื้นที่โรงงานมากขึ้น, กลุ่มรับเหมาฯและวัสดุ (CK STEC *ITD *UNIQ SCC *TPIPL) จากการเร่งลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานอาทิ ถนน ทางด่วน ท่าเรือ และสนามบินอู่ตะเภา 

  • *       : วานนี้ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการประกันสุขภาพ โดยให้ผู้มีเงินได้สามารถนำค่าจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท และเมื่อรวมกับการหักลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตและการฝากเงินที่มีเงื่อนไขประกันชีวิตทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 1 แสนบาท  ให้มีผลย้อนหลังสำหรับเบี้ยประกันสุขภาพที่ได้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.60 เป็นต้นไป ประเด็นนี้จะกระตุ้นให้ประชาชนทำสุขภาพมากขึ้นเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเป็นบวกต่อธุรกิจประกัน อาทิ BLA, *TIP และยังเป็นบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาล (BCH VIBHA) ซึ่งจะช่วยดึงผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาของโรงพยาบาลมากขึ้น