January 20, 2020
(20/01/2020 - 08:45)

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

SET Index ปรับตัวขึ้น +4.61 จุด (+0.29%) ปิดที่ 1,600 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.1 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านที่ดีดตัวขึ้นตอบรับวุฒิสภาสหรัฐอนุมัติข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA), การทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐ-จีน รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้น ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่ม Energy, Petro, ICT และ Etron หนุนดัชนีปิดแดนบวก อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 อีก 1,490 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,057 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 10,084 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลาง - บวกคาด SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,605 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว เนื่องจากภาวะตลาดได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นจากความตึงเครียดในลิเบียหลังกองกำลังแห่งชาติลิเบียสั่งให้บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย NOC ระงับการส่งออกน้ำมันท่าเรือ 5 แห่งเนื่องจากภาวะสุดวิสัยส่งผลให้ลิเบียสูญเสียการผลิตน้ำมันดิบ 800,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและปิโตรฯ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีแรงขายกลุ่มธนาคารหลังงบ 4Q19 ของ SCB หดตัวลงมากจากสินเชื่อที่ชะลอตัวและ NPL เร่งตัวขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มธนาคารอื่นๆ นอกจากนี้ความกังวลกระแส Fund flow ต่างชาติที่เป็น Net Sell ต่อเนื่อง 7 วันราว 8.8 พันลบ.จะกดดันดัชนีด้วยเช่นกัน

** ติดตามการประกาศงบ 2019 ของกลุ่มธนาคารในช่วงสัปดาห์นี้

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มอสังหาฯ AP และ SPALI กระแสข่าวธปท.เตรียมแถลงปลดล็อกมาตรการ LTV ในวันนี้ (20 ม.ค.)
  • กลุ่มอิเล็คฯ HANA, KCE, DELTA รับอานิสงส์ Trade war ผ่อนคลายและเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
  • กลุ่ม Defensive และงบ 4Q19F คาดว่าจะออกมาดีและดีต่อเนื่องในปีนี้ GPSC, GULF, JMT, CPF, SAWAD, MTC, BTS, BEM, INTUCH, ADVANC และ DTAC
  • กลุ่มเครื่องดื่ม OSP, CBG, HTC, ICHI, SAPPE อานิสงส์ภัยแล้งที่รุนแรงและยาวนานจนถึงกลางปี

หุ้นแนะนำวันนี้

  • AP (ปิด 7.3 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 8.7) ได้ Sentiment บวกจากข่าวแบงก์ชาติเตรียมประกาศผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ให้กับบ้านหลังที่ 2 ซึ่ง AP น่าจะได้ประโยชน์เป็นอันดับต้นๆของกลุ่มเพราะเน้นโครงการบ้านที่มีราคาขายในระดับต่ำถึงกลาง นอกจากนี้ AP ยังจ่ายปันผลสม่ำเสมอประมาณ 0.33 บาทให้ Dividend yield ประมาณ 4.4%
  • CPF (ปิด 30.5 ซื้อ/เป้า 33.5) คาดกำไรปกติ 4Q19 ประมาณ 3.4 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 7%qoq และ 105%yoy จากราคาหมูในเวียดนามเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 65,000 ดองต่อ ก.ก. เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับ 33,000 ดองต่อ ก.ก.ใน 3Q19 และคาดกำไรสุทธิโตต่อเนื่องอีกใน 1Q20 จากราคาหมูในประเทศและราคาหมูเวียดนามเร่งตัวขึ้นอีกในปัจจุบัน

บทวิเคราะห์วันนี้

Macro Startegy (เลือกเล่นรายตัว), Thailand Strategy (เศรษฐกิจจีนดีขึ้นส่งผลต่อ EM maket), CPF (ปิด 30.5 ซื้อ/เป้า 33.5)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) กลุ่มธนาคาร SCB ประกาศงบ 4Q19 ต่ำคาด, NPL เร่งตัวขึ้น เป็นลบต่อ Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารทั้งกลุ่ม: SCB ประกาศกำไรสุทธิ 4Q19 ที่ 5.5 พันล้านบาท ลดลง 63%qoq และ 22%yoy และต่ำกว่าที่ตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะออกมาที่ 9 พันล้านบาท เป็นผลจากบริษัทมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นเป็น 9 พันล้านบาทเทียบกับค่าเฉลี่ยปกติ 5-6 พันล้านบาทต ขณะที่ NPL เร่งตัวขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ปัจจัยนี้คาดว่าจะเป็น Sentiment ลบต่อการลงทุนของหุ้น SCB ในวันนี้รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารอื่นๆที่จะทยอยประกาศงบออกมาในสัปดาห์นี้ อาทิ KBANK, BBL และ KTB
  • (+) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน : ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น ตอบรับข่าวลิเบียปิดท่าเรือส่งออกน้ำมันหลังเกิดเหตุปฏิวัติในประเทศ: ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงต่อเนื่องในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้เราคาดว่าตลาดจะกลับไปกังวลกับภาวะอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวอีกครั้งหลังจากรัฐบาลลิเบียประกาศปิดท่าเรือส่งออกน้ำมันดิบทั้งหมด 5 แห่ง (force majeure) หลังเกิดการปฏิวัติในประเทศ ซึ่งการปิดท่าเรือดังกล่าวจะกระทบการส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียประมาณ 800,000 บาร์เรลต่อวันคิดเป็น 0.8% ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบทั้งโลกที่ประมาณ 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมัน นำโดย PTTEP และ กลุ่มโรงกลั่น อาทิ TOP, SPRC และ IRPC
  • (+) กลุ่มอสังหาฯ ติดตามแบงก์ชาติประกาศผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ให้กับบ้านหลังที่ 2 เป็นบวกต่อกลุ่มอสังหาฯ: หลังจากที่มีการหารือกันระหว่างกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติเพื่อผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ให้กับบ้านหลังที่ 2 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าในวันนี้แบงก์ชาติจะมีการประกาศเกณฑ์ดังกล่าว (บ้านหลังที่ 2 เดิมให้วางดาวน์ 20% อาจผ่อนปรนให้วางดาวน์ 5-10% หรือ ให้กู้ 100%) หากมาตรการนี้เกิดขึ้นจริงจะส่งผลบวกโดยตรงต่อกลุ่มอสังหาฯโดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เน้นลูกค้าในระดับกลางถึงล่าง โดยกลุ่มอสังหาฯที่ได้ประโยชน์มากสุด คือ PSH, AP และ SPALI เราเลือก AP, SPALI เป็น Top pick ของกลุ่ม