December 3, 2019
(03/12/2019 - 08:30)

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ร่วงแรง 21 จุด (-1.32%) ปิดที่ระดับ 1,570 จุด ต่ำสุดในรอบ 11 เดือน มูลค่าการซื้อขาย 5.47 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายหุ้น Big cap นำโดย พลังงาน, ค้าปลีก และ กลุ่มสื่อสาร โดยวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,352 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5, Net Short TFEX ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 อีก 15,997 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 376 ล้านบาท  

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เราคงมุมมองเป็นลบคาด SET Index มีโอกาสอ่อนตัวลงไปทดสอบแนวรับที่ระดับ 1,560 จุด จากโมเมนตัมเชิงลบและปัจจัยแวดล้อมยังไม่ดี โดยเฉพาะปัญหา Trade ที่เริ่มบานปลายหลังจาก สหรัฐเตรียมประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กจากบราซิลและอาร์เจนติน่า รวมถึงขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากฝรั่งเศส 2.4 พันล้านเหรียญ นอกจากนี้ราคาหุ้นที่ร่วงแรงในวันก่อนหน้าอาจทำให้มี Margin call และ Force sell ในช่วงเปิดตลาด อย่างไรก็ตามบริเวณแนวรับดังกล่าวอาจะเห็นการสลับเด้งรีบาวด์ จากแรงซื้อของ LTF ซึ่งนักลงทุนเริ่มทยอยเข้าซื้อตั้งแต่เมื่อวาน อีกทั้งหุ้นหลายตัวใน SET50 เริ่มให้ Dividend yield ที่น่าสนใจ (หุ้น SET50 มากกว่าครึ่งให้ Dividend yield เกิน 3%)  ทำให้ Down side ที่ดัชนีจะลดลงอีกเริ่มจำกัด

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่ม Domestic Play AOT, ADVANC, INTUCH, BTS, BEM
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 4Q19 จะเติบโตขึ้น ได้แก่ GPSC, CPF, ERW, TASCO, EPG, SAWAD, MTC, JMT, BCH, CHG, BDMS
  • กลุ่ม Dividend Stock: KKP, TISCO, TTW

หุ้นแนะนำวันนี้

  • ADVANC (ปิด 207 ซื้อ/เป้า 260) ทยอยสะสมมองราคาหุ้นลดลงสะท้อนข่าวสงครามราคาไปมากแล้ว และจากการเช็คข้อมูลล่าสุดพบว่าผู้ประกอบการทยอยถอนโปรโมชั่นในการแข่งขันราคาออกไปแล้วเช่นกันจึงเชื่อว่าปัจจัยนี้จะช่วยลดความกังวลของตลาดออกไป นอกจากนี้ราคาหุ้นที่ลดลงแรงทำให้ Dividend yild เริ่มน่าสนใจประมาณ 3.8-4%
  • CPF (ปิด 26.50 ซื้อ/เป้า 33.5) ทยอยสะสมมองราคาหุ้นลดลงสะท้อนข่าวแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์หมูแอฟริกาไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบันราคาหมูในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากระดับ 55 บาทต่อ ก.ก. เป็น 64 บาทต่อก.ก. เช่นเดียวกับราคาหมูเวียดนามที่ฟื้นตัวขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับ 33,000 ดองต่อ ก.ก. ขึ้นเป็น 60,000 ดองต่อก.ก. ในปัจจุบันคาดว่าจะช่วยหนุนผลประกอบการ 3Q19 และ 4Q19 ฟื้นตัว

บทวิเคราะห์วันนี้

Telecom sector (Top pick: ADVANC, DTAC และ INTUCH)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) ดาวโจนส์ลบ 268 จุด ผิดหวังตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4: ดัชนีดาวโจนส์ร่วงแรงกว่า 268 จุด (-0.96%) ปิดที่ระดับ 27,783 จุด เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับรายงานตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐที่ยังอ่อนแอ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ประกาศตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเดือน พ.ย. ปรับตัวลงสู่ระดับ 48.1 จากระดับ 48.3 ในเดือน ต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น  49.4 ตัวเลขที่ต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนภาคการผลิตที่หดตัว ซึ่งเดือนนี้นับเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4
  • (-) Trade war เริ่มบานปลาย ล่าสุดสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจาก ฝรั่งเศส, บราซิล และ อาร์เจนติน่า: สงครามการค้ากำลังจะขยายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้นหลังจากล่าสุด ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนติน่า เนื่องจากทั้งสองประเทศลดค่าเงินมากเกินไปจนส่งผลเสียต่อสินค้าเกษตรของสหรัฐ ขณะเดียวกันในช่วงเช้าวันนี้มีรายงานว่าสหรัฐเตรียมประกาศขึ้นภาษีน้ำเข้าสินค้า 100% มูลค่า 2.4 พันล้านเหรียญฯ กับสินค้านำเข้าจากฝรั่งเศส อาทิ ชีส และสินค้าอื่น ๆ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่ฝรั่งเศสที่พยายามผลักดันให้มีการเรียกเก็บภาษี digital กับบริษัทด้านเทคโนโลยี  อาทิ กูเกิล, แอปเปิล, เฟซบุ๊ก อิงค์ และอเมซอน
  • (-) ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ, ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน พ.ย.หลุดต่ำกว่าระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน: กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline inflation) เดือน พ.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 0.21% จาก 0.11% ในเดือน ก.ย. อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อดังกล่าวยังอยู่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของแบงก์ชาติที่ 1-4% สะท้อนภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ค่อนข้างฝืด  ขณะเดียวกันดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน พ.ย.ลดลงสู่ระดับ 49.3 เทียบกับ 50 ในเดือนก่อนหน้าและเป็นการปรับลงต่ำกว่าระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน เป็นสัญญาณลบต่อภาคการลงทุน, GDP รวมถึงเป็นลบต่อ sentiment การลงทุนของกลุ่มนิคมฯ